คปภ. ลงพื้นที่ทันทีให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถเก๋ง ชนรถบรรทุก 6 ล้อ” จ.อุตรดิตถ์

คปภลงพื้นที่ทันทีให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถเก๋ง ชนรถบรรทุก 6 ล้อ” เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และผู้บาดเจ็บ 2 ราย ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน ขห 2496 เชียงใหม่ เสียหลักข้ามร่องเกาะกลางถนนเข้าไปชนในทางเดินรถบรรทุกหกล้อ หมายเลขทะเบียน 70-8773 สมุทรสาคร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นชาย 5 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ จำนวน 1 ราย รวมเสียชีวิต จำนวน 6 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย นำตัวส่ง โรงพยาบาลพิชัย เหตุเกิดบนถนนหมายเลข 11 กม.285+400 หมู่ 1 ตำบลนายาง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภภาค 1 (เชียงใหม่และสำนักงาน คปภจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม


ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันที โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน ขห 2496 เชียงใหม่ ทำประกันภัยภาคบังคับกับบริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชนเริ่มคุ้มครองวันที่ 20 กันยายน 2565 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 20 กันยายน 2566 คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน โดยยังไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยภาคสมัครใจ

ด้านรถบรรทุกหกล้อ หมายเลขทะเบียน 70-8773 สมุทรสาคร ได้ทำประกันภัยภาคบังคับกับบริษัทเทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชนเริ่มคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2565 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน และพบข้อมูลการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ กับบริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย จำกัด (มหาชนเริ่มคุ้มครองวันที่ 2 มกราคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 2 มกราคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อเสียชีวิต ร่างกายหรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 500,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 1,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายตัวรถยนต์ 1,150,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผู้ขับขี่ จำนวน 1 คน 100,000 บาท และผู้โดยสาร จำนวน 2 คน จำนวน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล จำนวน 100,000 บาทต่อครั้ง และประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวน 200,000 บาทต่อครั้ง 


สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นในกรณีที่รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน ขห 2496 เชียงใหม่ (ถ้าเป็นฝ่ายผิดทายาทโดยธรรมของผู้ขับขี่รถเก๋งจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาท และผู้โดยสารที่เสียชีวิตในรถเก่๋งทั้ง 5 ราย ทายาทผู้ประสบภัยจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 500,000 บาท จากการทำประกันภัยรถภาคบังคับ สำนักงาน คปภจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประสานงานบริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชนแล้ว ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและได้มอบหมายให้พนักงานของบริษัทในพื้นที่ติดต่อทายาทผู้เสียชีวิตเพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว ทั้งนี้สำนักงาน คปภ.จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ตรวจสอบข้อมูลของทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่โดยสำนักงาน คปภ.จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ประสานงานกับสำนักงาน คปภภาค 1 (เชียงใหม่และสำนักงาน คปภจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินการอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริษัทจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรมเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ผลของคดีการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิสูจน์ทราบต่อไป


นอกจากนี้ สำนักงาน คปภจะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น  ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น  เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้

สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (...) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น  เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง  ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภกล่าวในตอนท้าย