ASIA SOFT เปิดกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ Digital Technology

ASIA SOFT เปิดกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ Digital Technology พร้อมประกาศ Rebranding รับการเติบโตครั้งใหม่

คุณปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานกรรมการ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น เผยภาพรวมของทิศทางการเติบโตทางธุรกิจของเอเชียซอฟท์ฯ ที่ได้เริ่มวางรากฐานตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์, กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies, กลุ่มธุรกิจสื่อและการตลาด และกลุ่มธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้เอเชียซอฟท์ฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะก้าวเดินในเส้นทางธุรกิจที่มีความหลากหลายเพื่อมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Digital Technology โดยในปี 2566 นี้ จะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากแผนกลยุทธ์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่มาเปิดเผยข้อมูลในงานนี้ เริ่มต้นจากกลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์ โดย Mr. Quach Dong Quang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. เพลย์พาร์ค เผยภาพรวมอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกในอนาคตที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตทั้งด้านรายได้และจำนวนผู้เล่น แม้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งถือว่าเป็นการปรับฐานของอุตสาหกรรมหลังจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีก่อนหน้า สำหรับปี 2566 เพลย์พาร์คจะมีการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตทางด้านรายได้ โดยกลยุทธ์การเลือกเกมยังคงเน้นเปิดให้บริการเกมแนว Role-Playing Game (RPG) ที่บริษัทฯ มีจุดแข็งและเป็นแนวเกมที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด และมีแผนจะเริ่มมองหาพันธมิตรบริษัทผู้พัฒนาเกมใหม่ ๆ จากภูมิภาคอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากเดิมที่อยู่ในโซนทวีปเอเชียทั้งหมด เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า รวมถึงมุ่งเน้นการบริหารช่องทางการชำระเงินเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้ได้เซ็นสัญญาเกมใหม่เพื่อเตรียมเปิดในปี 2566 นี้ถึง 11 เกม นอกจากนี้ จะมีการนำเทคโนโลยี AI ด้านการตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลมาเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการเกมในลักษณะ Segmentation ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญทางการตลาดและผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นในระยะยาว 

คุณกิตติพงศ์ พฤกษอรุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. คับเพลย์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้กล่าวถึงทิศทางของบริษัท คับเพลย์ฯ ในปี 2566 ว่า การพัฒนาแพลตฟอร์ม Astronize ซึ่งเป็น Hybrid Web 3.0 Game Platform รายแรกในภูมิภาคมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผน โดยบริษัทฯ ได้ทำการแต่งตั้งที่ปรึกษา (ICO Portal) ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในช่วงการเตรียมเอกสารการยื่นขออนุญาตเสนอขาย Utility Token แก่สาธารณะ (ICO) เพื่อสำหรับใช้งานภายใต้ระบบนิเวศของ Astronize ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยคาดหวังว่าจะสามารถเสนอขาย ICO ได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ พร้อมกับแผนการเปิดตัวเกมทันทีหลังจาก ICO จำนวน 2 เกมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ TS Multiverse ซึ่งเป็นเกมแนว SRPG ในรูปแบบ Free-to-Play & Earn ที่ถูกพัฒนาและปรับแต่งมาจากเกม TS Mobile สุดคลาสสิกที่เคยทำให้เอเชียซอฟท์ฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วนับตั้งแต่ปี 2562 และเกม Clash of Thrones ซึ่งเป็นเกม NFT Idle RPG รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากเกม Idle RPG ทั่วไป โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ใช้บริการบนแพลตฟอร์ม Astronize ทันทีหลังจากเปิดตัว 2 เกมไม่น้อยกว่า 500,000 คน และเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1 ล้านคนภายใน 1 ปีด้วยแผนการเปิดตัวเกมใหม่เพิ่มเติมทุกไตรมาส และตั้งเป้ารายได้แตะ 1 พันล้านบาทภายใน 3 ปีนับจากเปิดให้บริการ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 67 จาก 2-3 ปีที่ผ่านมา โมเดลธุรกิจของ GameFi ได้ผ่านบทพิสูจน์มามากพอสมควร และรูปแบบที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืนที่สุดในปัจจุบันคือรูปแบบ Free-to-Play & Earn โดยเฉพาะการนำเอาเกม Traditional (Web 2.0) ที่มีคุณภาพสูงและความสนุกสนานมาผสานเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain (Web 3.0) เพื่อนำมาให้บริการในรูปแบบ Hybrid เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานในการเล่นเกมอย่างแท้จริงคือความสนุก แต่ผู้เล่นสามารถได้ผลตอบแทนหรือ Earn จากการเล่นควบคู่ไปด้วยและสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมในเกมกับผู้เล่นอื่น ๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วยการแปลงเป็น NFT ซึ่งแตกต่างจากเกม Web 3.0 ที่เปิดให้บริการด้วยโมเดล Play-to-Earn ที่เน้นการลงทุนก่อนเข้าเล่น เพื่อหวังผลตอบแทนเป็นหลัก แต่คุณภาพของเกมยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านความสนุกที่แท้จริงได้ ซึ่งเชื่อว่าเกม Web 3.0 จะยังต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาด้านคุณภาพให้เทียบเท่าเกมยุค Web 2.0 และค้นหาโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสมและยั่งยืนอย่างน้อยอีก 2-3 ปี

กลุ่มธุรกิจ Blockchain and Innovation Technologies ได้เตรียมก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Metaverse ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรเพื่อเข้าลงทุนในโปรเจกต์ Big Bang Theory ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการ Metaverse as-a-service รายแรกของโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กรหรือแบรนด์สินค้าต่าง ๆ สามารถสร้าง Metaverse ของตนเองด้วย module สำเร็จรูปอย่างง่ายดายภายในเวลาเพียง 10 นาที และด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำในรูปแบบ pay per use อีกทั้งยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อฟังก์ชั่นทางธุรกิจมากกว่า 30 ฟังก์ชั่น อาทิ e-commerce, communication, virtual space, streaming, gamification หรือเชื่อมต่อกับโลก Web 3.0 เพื่อสร้าง Token หรือ NFT เป็นต้น ซึ่งแพลตฟอร์มได้เริ่มเปิดให้บริการ soft launch ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ โดยคาดว่าจะเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาสนี้

ทั้งนี้ เพื่อให้ชื่อและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ สามารถสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ใหม่ในการขยายธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ จึงเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการให้ความเห็นชอบเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Asphere Innovations Public Company Limited อันมีความหมายถึง Asiasoft (AS) ผนวกกับ Sphere อันหมายถึงทรงกลมหรือโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น Asphere จึงมีนัยสื่อถึง Asiasoft พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากภูมิภาคเอเชียและขยายขอบเขตธุรกิจที่จะสรรสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคตสู่ตลาดระดับโลกภายใต้แนวคิด “Serving the Infinite Future” 

#ASIASOFT #เอเชียซอฟต์ #StockReview #ข่าวประจำวัน #เกมเมอร์