เมื่อทรูควบรวมดีแทคกลายเป็น ทรู คอร์ปอเรชั่น

ทรูและดีแทคเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจที่เรียกว่า “Equal partnership” ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2566 เป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดทั้ง 2 บริษัทได้ดำเนินการควบรวมกิจการ และปรับโครงสร้างองค์กรให้มาอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันในนาม “ทรู คอร์ปอเรชั่น”

หลังจากการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรู-ดีแทค และประกาศการควบรวมเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 และใช้ชื่อเป็น “บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีมูลค่าตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกัน (Market Capitalization) ประมาณ 2.94 แสนล้านบาท

โดยมี “มนัสส์ มานะวุฒิเวช” (โคซีอีโอกลุ่มทรูเดิม) มานั่งเป็นประธานคณะผู้บริหารบริษัทใหม่ และมี “ชารัด เมห์โรทรา” เป็นรองประธานคณะผู้บริหาร ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงทั้งของดีแทคและทรูเดิม อีก 11 ตำแหน่งสำคัญ ๆ

มนัสส์ มานะวุฒิเวช” ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความร่วมมือของทรูและดีแทค อยู่บนหลักการความเท่าเทียม ซึ่งหมายถึงการเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน สนับสนุนเคียงบ่าเคียงไหล่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน โดยดึงศักยภาพและจุดแข็งของทั้งคู่มาร่วมกัน เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด Better Together (ดีกว่าเมื่อมีกันและกัน) ทำให้ 1+1 เท่ากับ “อินฟินิตี้”หรือไม่รู้จบ

ไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดของเทเลนอร์ เราสามารถใช้องค์ความรู้ที่มี สนับสนุนการทำให้สังคมเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ลดช่องว่าง และพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในด้านต่าง ๆ ส่งเสริมการแข่งขันที่มากขึ้น สนับสนุนให้ธุรกิจเปลี่ยนเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีบทบาทในบริษัทที่แท้จริงเพื่อก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน” นายเยอเกน โร้สทริป” EVP and Head of Telenor Asia เทเลนอร์ กรุ๊ป ได้กล่าวไว้ ซึ่งบริษัทในกลุ่มเทเลนอร์เข้ามาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นานกว่า 25 ปี


ในปี 2565 ที่ผ่านมา ทรูมีรายได้สูงถึง 138,154 ล้านบาท ขาดทุน 18,285 ล้านบาท มีสินทรัพย์อยู่ที่ 618,095 ล้านบาท ส่วนดีแทคมีรายได้ 80,656 ล้านบาท แม้ดีแทคจะมีรายได้ไม่สูงมากแต่สามารถบริหารในเรื่องของกำไรสุทธิได้สูงถึง 3,119 ล้านบาท มีสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 152,535 ล้านบาท ส่วน AIS รายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 186,142 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 26,011 ล้านบาท ต้องถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีรายได้และมีกำไรที่ดี มีสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 337,043 ล้านบาท ราคาหุ้นของ ADVANC อยู่ที่ระดับ 203.00 บาท ถึงแม้ว่าทรูจะมีสินทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทรูก็มีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเช่นกัน จึงทำให้ผลประกอบการยังติดลบอยู่ในตอนนี้

ส่วนนายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พันธกิจขององค์กรคือเร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สนับสนุนคนเก่งรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล และนำเสนอนวัตกรรมบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืน เราจะมุ่งสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจ และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล” รวมทั้งจะเน้นในเรื่องของการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศทุกจังหวัด จะใช้ Wifi ได้มากกว่า 1 แสนจุด รวมถึง ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และ 5G มุ่งผสานพลังด้วยกลยุทธ์ 7 ด้าน ได้แก่

1. เป็นผู้นำกลยุทธ์ด้านโครงข่าย

2. เดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุมให้มากยิ่งขึ้น

3. สร้างมาตรฐานและประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า ด้วยการนำข้อมูลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาช่วยวิเคราะห์

4. ส่งมอบชีวิตอัจฉริยะ เพิ่มความสะดวกและปลอดภัย

5.เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ลูกค้าองค์กร

6. สร้างองค์กรที่น่าทำงาน

7. ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มคุณค่าขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว