บิ๊กคอร์ปปักหมุดไทยฐานเศรษฐกิจใหม่ ขยายลงทุน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม

บิ๊กคอร์ปปักหมุดไทยฐานเศรษฐกิจใหม่ ทีมปฏิบัติการเชิงรุก - บีโอไอเร่งเครื่องดึงการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมขยายฐานการลงทุน 5 อุตสาหกรรม ยื่นขอบีโอไอกว่า 6 แสนล้านบาท ในช่วง 3 ปี ยกระดับอุตสาหกรรมไทย

หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิง รุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เผยว่า ทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ “Better and Green Thailand 2030” เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะ 10 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายดึงดูดการลงทุนมากกว่า 2 ล้านล้านบาท สร้างตำแหน่งงานใหม่ 625,000 อัตราและ เพิ่มจีดีพีของประเทศอีก 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่ จากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล และอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการริเริ่มออกวีซ่าประเภทใหม่สำหรับผู้พำนักระยะยาว เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ และผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ให้เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยระยะยาวใน ประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้ประเทศไทยมีกลุ่มบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตได้ สามารถรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตได้ “ประเทศไทยมีเป้าหมายก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้ พลังงานสะอาดมากกว่าร้อยละ 50 ในปี 2043 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ ลงทุนในประเทศไทย รวมถึงเราเป็นฮับของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ ที่มีผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ระดับโลกเลือกใช้ไทยเป็นฐานผลิตเช่น เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GMW) เอสเอไอซี มอเตอร์ (MG) บีวายดี ออโต้ (BYD) รวมถึงฟ็อกซ์คอนน์ที่ร่วมมือกับ ปตทเป็นต้น ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัล มีการลงทุนขนาดใหญ่จาก Amazon Web Services (AWS) ผู้ให้บริการ Data Center และ Cloud Service ในระดับ Hyperscale อันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยกระดับทักษะและการเข้าถึงดิจิทัลของคนไทย โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อเร็ว  นี้ จากการเดินทางไปชักจูง การลงทุนที่สหรัฐอเมริกาได้พบกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก เช่น Google, Western Digital, Analog Devices ล้วนมีแผนขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยว่า ท่ามกลาง วิกฤตแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้เกิดการโยกย้ายฐานผลิตครั้งใหญ่ ด้วยจุดแข็งของ ประเทศไทยทั้งด้านความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรที่มีคุณภาพ อุตสาหกรรมสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเป็นศูนย์กลางในหลาย  ด้านของอาเซียน รวมถึงนโยบายสนับสนุนต่าง  ของภาครัฐ เช่นการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ ดิจิทัล และพลังงานสะอาด ทำให้บริษัทยักษ์ ใหญ่ระดับโลกได้เลือกใช้ไทยเป็นฐานลงทุนธุรกิจใหม่  โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมมุ่งเป้าได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ BCG และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยมียอดขอรับส่งเสริม การลงทุน 5 อุตสาหกรรมนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (.. 2563 - 2565) รวมกัน 2,687 โครงการมูลค่าเงิน ลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท

สําหรับแผนการดึงลงทุนของบีโอไอในปีงบประมาณ 2566 ได้วางแผนจัดกิจกรรมเชิงรุกเจาะ กลุ่มเป้าหมายกว่า 200 ครั้ง ทั้งการจัดคณะโรดโชว์จากส่วนกลางและสำนักงานบีโอไอ 16 แห่งทั่วโลก เพื่อ เผยแพร่มาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่และโอกาสการลงทุนในประเทศไทย การจัดสัมมนารายประเทศ รายอุตสาหกรรม การจับมือกับกลุ่มที่จะมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น ธนาคารใหญ่ บริษัทที่ปรึกษา สมาคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานพันธมิตร และการเดินสายพบปะบริษัทสำคัญ โดยมีนักลงทุน เป้าหมายหลักคือ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

บีโอไอมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยยกระดับไปสู่เศรษฐกิจใหม่ สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์ “Better and Green Thailand 2030” ของรัฐบาล โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการไทยมีการปรับตัวให้สอดรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งการใช้พลังงานสะอาดและ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับ อุตสาหกรรมไปสู่Smart และ Sustainable Industry โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มียอดขอรับส่งเสริมในกลุ่มนี้ ทั้งสิ้น 958 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 71,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บีโอไอยังส่งเสริมการกระจายการลงทุนให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่เป้าหมายต่าง  ทั่วประเทศ เช่น พื้นที่อีอีซี พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้และเมืองต้นแบบ พื้นที่ 20 จังหวัดรายได้ต่อหัวต่ำ รวมถึงเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่าง  เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึงด้วย

#BOI #BCG #BetterandGreenThailand2023 #StockReview  #ข่าวเศรษฐกิจ #การลงทุน #ข่าวประจำวันนี้