CCP เผยแผนธุรกิจปี 2566 ชูกลยุทธ์พัฒนาPrecast พร้อมใช้ ขยายธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ รุกตลาดภาคอีสาน เตรียมลงเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้น 12% ภาพรวมเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว การลงทุนโครงการภาครัฐ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) หนุนภาคเอกชนขยายตัวตาม ดันความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่ม ขณะที่บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อย เร่งเดินหน้าตามแผน ดันรายได้เติบโตตามเป้า
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) พร้อมใช้งาน ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ลดต้นทุน ลดจำนวนแรงงานในการก่อสร้าง อีกทั้ง เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บ่อพัก รางระบายน้ำ ท่อระบายน้ำขนาดพิเศษ ท่อร้อยสายไฟใต้ดิน บล็อกปูพื้นทางเดิน บล็อกหญ้า รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ทั่วประเทศ
อีกทั้ง เร่งขยายการให้บริการ ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) ลักษณะMobile Plant ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคอีสาน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยจัดตั้งแพลนท์ปูนชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้ รวมถึงให้บริการเช่ารถขนส่ง รถโม่ผสมคอนกรีต เพื่อสามารถเข้าพื้นที่หน้างานได้รวดเร็ว คงคุณภาพของคอนกรีตผสมเสร็จให้ลูกค้าขณะนี้ อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องผสมคอนกรีตใน จ.หนองคาย คาดเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 1/2566 และเตรียมขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมในเขตพื้นที่ จ.ระยอง จ.ฉะเชิงเทรา ภายในปีนี้
สำหรับการร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้า เขตปลอดอากร (Free Zone) ในโซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในไตรมาส 4/2566 ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทวางงบลงทุนเครื่องจักรใหม่ รวมถึงปรับปรุงโรงงานผลิต มูลค่า 80ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ลดจำนวนแรงงาน ลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต เพิ่มความสามารถทำกำไร พร้อมทั้งเตรียมแผนบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินงานตามเป้าหมายในปีนี้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 12 %
ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 1,600ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2567พร้อมเดินหน้าประมูลงานจากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท
“ จากการแตกไลน์ธุรกิจ (Diversify) ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบิน โครงการท่าเรือ โครงการมอเตอร์เวย์งานถนน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ส่งผลให้การลงทุนก่อสร้างภาคเอกชนขยายตัวตาม อาทิ นิคมอุตสาหกรรม โครงการอสังหาริมทรัพย์ เชื่อมั่นว่าความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น ผลักดันให้ผลประกอบการปี 2566 เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายอาทิตย์ กล่าว