MAJOR คืนชีพ คาดรายได้แตะหมื่นล้าน จับมือ TKN ขยายธุรกิจป๊อบคอร์น

    MAJOR ตั้งเป้าปี 66 กลับมาเติบโตในระดับ 10,000 ล้านบาท หนังฟอร์มยักษ์จ่อเข้าฉายในโรงเพียบ บวกรายได้ป๊อบคอร์นขายดีพุ่ง 5,000 ล้านบาท เตรียมวางขายใน 7-11 ผ่าน TKN พร้อมทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ขยายสาขาทั่วไทย

    นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 กลับมาเติบโตในระดับ 10,000 ล้านบาท เทียบเท่าปี 2562 ที่มีรายได้รวม 10,800 ล้านบาท เนื่องจากมีหนังฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายในโรงจำนวนมาก ทั้ง Sony Pictures, Walt Disney, Warner, Paramount และ Universal รวมถึงการผลักดันหนังไทยเข้าฉายเดือนละ 2 เรื่อง จะทำให้รายได้จากการขายตั๋วหนังเพิ่มขึ้น มองว่าภาพรวมธุรกิจภาพยนต์จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากโควิดคลี่คลาย รวมถึงธุรกิจป๊อบคอร์นของบริษัทขยายตัวมากขึ้น 

สัดส่วนรายได้ของ MAJOR แบ่งเป็น ธุรกิจป๊อบคอร์นประมาณ 60-70% ธุรกิจภาพยนต์และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 30-40% ซึ่งในปี 2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภาพยนตร์นั้นจะเพิ่มขึ้น 50% ของรายได้รวม หลังมีแผนขยายสาขาและลงทุนในธุรกิจภาพยนตร์มากขึ้น 3 เสาหลัก ทั้ง Customer experience สร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า, สนับสนุนสร้างหนังไทย และ เพิ่มรายได้ธุรกิจป๊อปคอร์นนอกโรงหนัง

  ปัจจุบัน MAJOR มีสาขาโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการ ณ สิ้นปี 65 รวมทั้งสิ้น 180 สาขา 839 โรง 188,973 ที่นั่ง แยกเป็นในประเทศ 172 สาขา 800 โรง 180,081 ที่นั่ง และด่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง ส่วนสาขา บลูโอ ริซึม แอนด์ โบว์ล เปิดให้บริการ 8 สาขา 210 เลน, คาราโอเกะ 121 ห้อง, ห้องแพลตตินั่ม 9 ห้อง

อย่างไรก็ดี มองภาพรวมแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ตั้งเป้าหมายผลักดันภาพยนตร์ไทยเข้าฉายปีละ 20 เรื่อง เฉลี่ยเดือนละประมาณ 2 เรื่อง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็น King of Content Hub หวังสร้างภาพยนตร์ไทยป้อนสู่ตลาดโลก

    บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2566 ไว้ราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม โดยในปี 2566ลงทุนขยายโรงภาพยนตร์ 13 สาขา 49 โรง อาทิ One Bankok, เซ็นทรัล เวสต์ วิลล์ ราชพฤกษ์, โรบินสัน ฉลอง ส่วนโลตัสจะเปิดที่นครนายก, สระแก้ว, นราธิวาส, ปัตตานี ขณะที่บิ๊กซีเปิดที่  บางบอน, สระบุรี, ยะลา เปิดกับไฮเปอร์ มาร์เก็ต 2 สาขา และเปิดสาขาสแตนอะโลนที่ภูเก็ต

   ขณะเดียวกันยังเตรียมเปิดโบว์ลิ่ง 3 สาขา 40 เลน และคาราโอเกะ 30 ห้อง พร้อมนำเข้าสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดของโลกภาพยนตร์มาให้บริการ ทั้งระบบการฉาย IMAX with LASER และ ScreenX PLF ที่หาชมได้ยาก เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป


    นอกจากนี้ MAJOR ยังได้จับมือร่วมกับเถ้าแก่น้อย TKN จากการเข้าไปถือหุ้น 10% ต่อยอดจ้างผลิตป๊อบคอร์น (OEM) แบรนด์ MAJOR เพื่อจัดจำหน่ายร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11ละมองโอกาสขยายไปในช่องทางออนไลน์อื่นๆ รวมถึงห้างโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) และคอนวีเนียนสโตร์ (Convenience Store) ทุกแห่ง โดยบริษัทคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้เติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของรายได้รวมในปี 66