กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขาย 30.50-30.80 มองเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวน


กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด(มหาชน)มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ30.50-30.80 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่30.59 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว   นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย5.7 พันล้านบาทและ3.9 พันล้านบาทตามลำดับส่วนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว0.5% เคลื่อนไหวสวนทางกลุ่มสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียซึ่งล้วนปรับตัวอ่อนค่าลงขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางBrexit หนุนเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ  แม้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น

 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์กรุงศรีมองว่านักลงทุนจะติดตามข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯสถานการณ์การค้าโลกค่าเงินหยวนราคาทองคำรวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงขณะที่จีนกับสหรัฐฯเริ่มเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสินค้าของอีกฝ่ายระลอกใหม่ทั้งนี้สหรัฐฯเริ่มเก็บภาษี15% จากสินค้าจีนหลายรายการตั้งแต่วันที่.ส่วนจีนเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐฯเราประเมินว่าในภาวะที่ตลาดไม่มั่นใจว่าสงครามการค้าจะสามารถคลี่คลายลงได้ในระยะเวลาอันสั้นและสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักไม่เพียงพอที่จะหนุนความอดทนของนักลงทุนต่อการรับความเสี่ยงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะยังคงผันผวนและกดดันสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ซึ่งจะช่วยจำกัดการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง

 สำหรับปัจจัยในประเทศเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมอยู่ที่0.52% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้และยังคงต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่1.0-4.0% ทางด้านธปท.ระบุว่าค่าเงินมีแนวโน้มผันผวนสูงและอ่อนไหวมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่เปราะบางอย่างไรก็ดีทางการเห็นว่าการส่งออกของไทยสามารถกระจายประเทศคู่ค้าและสินค้าได้ค่อนข้างดีทำให้ได้รับผลกระทบเชิงลบน้อยกว่าหลายประเทศส่วนเดือนก..ไทยยังมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดราว1.77 พันล้านดอลลาร์เราคาดว่าแม้ภาคส่งออกอาจผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่แต่ทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีส่วนหนึ่งสะท้อนฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปี2561 ขณะที่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกยังต้องติดตามใกล้ชิดโดยคาดว่ามีโอกาสที่กนง.จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่1.25% อีกครั้งภายในปีนี้