กฟผ. - บ.มิตซูบิชิ ร่วมศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวและการกักเก็บคาร์บอน มุ่งสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050

กฟผ. - มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (ประเทศไทยร่วมลงนาม MOU แลกเปลี่ยนและศึกษา Clean Energy Development มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี .. 2050

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ นายเรียว ทาคุโบะ ประธานบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (ประเทศไทยจำกัด(MHI) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)  เพื่อแลกเปลี่ยนและศึกษาเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าพลังงานทางเลือก (Clean Energy)  และเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา  อาคาร 50 ปี กฟผสำนักงานใหญ่ นนทบุรี

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผกล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง กฟผและ MHI เป็นการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาด ทั้งในด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage) เทคโนโลยีการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงแอมโมเนีย สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกผลิตไฟฟ้า ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้ กฟผประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาดได้มากขึ้น พร้อมนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืน

ด้านนายเรียว ทาคุโบะ ประธานและกรรมการผู้จัดการ MHI กล่าวว่า กลุ่มบริษัทในเครือ MHI ได้ร่วมส่งเสริมและพัฒนาพลังงานในประเทศไทยมากว่าห้าทศวรรษ พร้อมสนับสนุนการศึกษาข้อมูลเทคโนโลยีกังหันก๊าซ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนีย และเทคโนโลยี CCUS ที่มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษ เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เชิงลึก ร่วมกับ กฟผขยายโอกาสทางธุรกิจร่วมกันตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนในประเทศไทย


ทั้งนี้ กฟผและกลุ่มบริษัท MHI ได้ร่วมมือพัฒนาพลังงานในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน นับตั้งแต่การสร้างเขื่อนสิริกิติ์ในปี 2511 นำไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้าที่สำคัญของประเทศ ทั้งโรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าวังน้อย และในปี 2552 ได้ร่วมกับกลุ่มบริษัท กฟผจัดตั้งEGAT Diamond Service (EDS) ให้บริการงานด้านวิศวกรรมกังหันก๊าซแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศสำหรับความร่วมมือระหว่างกฟผและ MHI ในครั้งนี้ มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึงร้อยละ 40 ภายในปี .. 2030  เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี .. 2050 และเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี .. 2065