ปตท ร่วมทุน FOXCONN จัดตั้ง HORIZON PLUS ผลิตรถ EV สู่ศูนย์กลางอาเซียน

อรุณ พลัส ผนึกกำลัง FOXCONN จัดตั้ง HORIZON PLUS ตอกเสาเข็มโรงงานผลิตรถ EV อย่างเป็นทางการ ทุ่ม 3.6 หมื่นล้าน เร่งเครื่องการผลิต คาดปี 67 แล้วเสร็จ หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

    บริษัท อรุณ พลัส ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. ได้ร่วมทุนกับบริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (ฟ็อกซ์คอนน์) ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2565 โดยมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่อรุณพลัสร้อยละ 60% และหลินยิ่งร้อยละ 40% ตามลำดับ

    พิธีวางศิลาฤกษ์ของ HORIZON PLUS ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร อีกทั้งเป็นรากฐานในการต่อยอดพัฒนาในส่วนอื่น ๆ ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ โดยได้จัดตั้งโรงงานบนพื้นที่กว่า 313 ไร่ ณ อุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดชลบุรี

    บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด คาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุน 36,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างอุปกรณ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยตั้งเป้าสร้างเสร็จและถึงขั้นตอนการส่งมอบการผลิตในปี 2567 และในเบื้องต้นจะมีกำลังการผลิต 50,000 คันต่อปี และจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 คันต่อปี ภายในปี 2573 ทำให้เกิดอัตราการจ้างงานกว่า 2,000 อัตรา

     ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร สิริสัมพันธ์ ประธานบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของ ปตท. คือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอนาคต การลงทุนและพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืน ถือเป็นหนึ่งในภารกิจของ ปตท.

ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือกับ FOXCONN ไม่เพียงเพื่อสร้างฐานการลงทุนผลิตรถอีวีที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนวิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการ เสริมสร้างทักษะบุคลากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย

    การร่วมมือกันระหว่าง ปตท.และห่งไห่ เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี 2050  และตามนโยบาย 30@30 ของรัฐบาล ทีตั้งเป้าหมายการขับเคลื่อนยานยนต์ด้วยไฟฟ้า 30% ภายในปี 2030 โครงการนี้ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านสังคมที่มีความท้าทายต่อ ปตท. และประเทศเลยทีเดียว