SME D Bank ร่วมกับ EXIM Bank ประสานพลังสถาบันการเงินหลักมาเลเซีย เสริมแกร่งSMEs

สถาบันการเงินหลักเพื่อการส่งเสริมเอสเอ็มอีของไทย และมาเลเซีย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนเอสเอ็มอีสองชาติให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ผลักดันเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ด้าน SME D Bank ชูโมเดลเติมความรู้คู่ทุน” หนุนเอสเอ็มอีเติบโตเข้มแข็งยั่งยืน

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศมาเลเซีย (SME Development Bank Malaysia Berhad) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศมาเลเซีย (EXIM Bank of Malaysia)  เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 ในงานกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนภาคใต้  กระทรวงพาณิชย์  จังหวัดนราธิวาส โดยมี Dr.Mohd Hatta Ramil รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาวิสาหกิจและสหกรณ์ ประเทศมาเลเซีย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติเป็นพยาน เพื่อร่วมมือส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของทั้งสองประเทศให้เติบโต และเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ตลอดจน ส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างกัน ทั้งนี้ ภาคธุรกิจการค้าระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยกับมาเลเซีย มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของทั้งสองชาติอย่างยิ่งในทุกมิติ เช่น ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ปี 2562 ประเทศมาเลเซียเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้านที่มีมูลค่าการค้าชายแดนกับไทยรวมทั้งสิ้น 514,066 ล้านบาท และข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ปี 2562 ชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวเมืองไทยกว่า 4.4 ล้านคน และปีนี้ (2563) คาดไม่ต่ำกว่า 4.8 ล้านคน เป็นต้น 

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ทั้ง 4 สถาบันการเงินจะมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันและสนับสนุนเอสเอ็มอีสองประเทศให้มีการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาหารฮาลาล ผลิตภัณฑ์จากยางพาราแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ และค้าปลีกค้าส่งในตลาดการค้าชายแดน  โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการส่งเสริมเอสเอ็มอีระหว่างกัน  ทั้งด้านแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการ การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงส่งเสริมธุรกิจระหว่างกัน เช่น การจัดงานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนา ตลอดจนขยายตลาดระหว่างกัน เป็นต้น  


นอกจากนั้น ภายในงานยังมีกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจาก 14 จังหวัด กับผู้นำเข้าชาวมาเลเซีย โดย SME D Bank เชิญลูกค้าธนาคารมาพบเจอผู้ซื้อต่างแดนชาวมาเลเซีย ซึ่งมีศักยภาพและกำลังซื้อสูง ช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มช่องทางขยายตลาดไปสู่ต่างแดน

นางสาวนารถนารี กล่าวต่อว่า แนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการของ ธพวซึ่งทางหน่วยงานสถาบันการเงินของมาเลเซียให้ความสนใจ อยากนำไปประยุกต์ในการส่งเสริมเอสเอ็มอีของมาเลเซีย คือ การ “เติมความรู้คู่ทุน” หมายถึง นอกจากจะสนับสนุนเงินทุนแล้ว  ธพวยังมีกระบวนการเติมความรู้ คอยส่งเสริมผู้ประกอบการตลอดเส้นทางธุรกิจช่วยเพิ่มศักยภาพเติบโตอย่างเข้มแข็ง รวมถึง ยังก่อประโยชน์กระจายไปสู่ชุมชน เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้จากฐานราก สร้างระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน  

ทั้งนี้ SME D Bank ได้จัดเตรียมสินเชื่อพิเศษ เพื่อรองรับเอสเอ็มอีไทยที่จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือในครั้งนี้เช่น  สินเชื่อ “SME D ยกกำลัง 3” โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและต่อเนื่อง เกษตรแปรรูป ธุรกิจค้าปลีกค้า เป็นต้น อัตราดอกเบี้ย  นิติบุคคล 3% ต่อปี นาน 3 ปี  และบุคคลธรรมดา 5% ต่อปี นาน 3 ปี แถมฟรีค่าธรรมเนียม บสย. 3 ปี , โครงการ “สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง SME D HAPPY” เติมทุนเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจผลิต บริการ ค้าปลีก ค้าส่ง เป็นต้น  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.375% ต่อปี เป็นต้น โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถยื่นกู้ผ่านระบบ Online Service Request หรือ OSR  เพียงใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code จากโปสเตอร์หรือโบรชัวร์ประชาสัมพันธ์สินเชื่อที่จะกระจายไปทั่วประเทศ    อีกทั้ง  สามารถยื่นกู้ผ่านออนไลน์ได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชัน “SME D Bank” หรือทุกสาขาของ ธพวทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357