เอ. เอส. วัตสัน ทุ่ม 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกโฉม Supply Chain

เอ. เอส. วัตสัน ทุ่ม 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

พลิกโฉม Supply Chain ส่งเสริมกลยุทธ์ O+O และเพิ่มขีดศักยภาพในการแข่งขัน 

27 สิงหาคม 2565 เอเอสวัตสัน กรุ๊ป ในฐานะกลุ่มบริษัทที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชีย และเคยได้รับ รางวัลระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น รางวัล Health & Beauty Retailer of the Year -  Asia Award และ รางวัลOmnichannel Strategy of the Year Asia Award จากเวทีระดับภูมิภาค Retail Asia โดยมี วัตสัน เป็น
แบรนด์ระดับเรือธงของกลุ่มบริษัทซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์ร้านเภสัช/ร้านขายยาอันดับ ของเอเชียเป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน จาก Campaign Asia และในปีที่ผ่านมาWeChat แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ยังได้จัดให้ เอเอสวัตสัน กรุ๊ป เป็นบริษัทที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือDigital Transformation Pioneer Company อีกด้วยนอกจากนี้ จากผลการปฏิบัติงานล่าสุดของ CK Hutchison ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอเอสวัตสัน กรุ๊ป และยังเป็นผู้ค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามรายใหญ่ที่สุดของโลก พบว่า บริษัทมีรายรับเพิ่มขึ้น 22% และ 13% จากการดำเนินงานในเอเชียและยุโรป ตามลำดับ แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ เอเอสวัตสันสามารถรับมือกับความท้าทายด้านวิกฤตการณ์โรคระบาดในธุรกิจค้าปลีกในช่วงสองปีที่ผ่านมาและยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการค้าปลีกอยู่ได้?

พัฒนาบุคคลเพื่อรับมือกับความท้าทาย
คุณมาลิน่า ไหง ประธานกรรมการบริหารของ เอ.เอสวัตสัน (เอเชียและยุโรปกล่าวสะท้อนถึงบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้ว่า “ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีคู่มือช่วยให้คำแนะนำใดๆในการจัดการกับความท้าทายต่างๆ ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่เราโชคดีที่เรามีบุคคลากรและลูกค้าของเรา ตลอดจนกลยุทธ์ O+O ที่เราได้พัฒนาขึ้น คอยให้การสนับสนุน ซึ่งเราเชื่อว่า
สิ่งเหล่านี้ มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตการณ์ดังกล่าว

เรายังเชื่อมั่นในการแสดงความรักและความห่วงใยต่อผู้คน โดยในปัจจุบันเรามีพนักงาน 130,000 คนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็น
ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าร้าน และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดำเนินมากว่า 30 เดือนที่ผ่านมา เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า 
เราได้ให้ความสำคัญและความทุ่มเทในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย การสื่อสารเชิงรุก และให้ความมั่นคงทางการเงิน
แก่พนักงานของเรามาโดยตลอด แม้แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดต้องถูกปิดลง ซึ่งเราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้บุคลากรของเรามีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โรคระบาดดังกล่าว

และในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทในการให้ความสำคัญในเรื่องบุคคลท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด
ที่เกิดขึ้น เอเอสวัตสัน ยังคงมุ่งมั่นเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย รวมถึงทำความเข้าใจความต้องการของผู้หญิงให้มากขึ้น 
เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของบุคลากรตลอดจนลูกค้าของเรานอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทยังได้ประกาศแผนการสร้างงาน 200,000 ตำแหน่งทั่วโลกภายในปี .2573 ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนได้รับประสบการณ์อันมีค่าเพื่อพัฒนาอาชีพในธุรกิจด้านการค้าปลีกต่อไป






การลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปฎิรูป Supply Chain ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

 

เอเอสวัตสัน กรุ๊ป เดินหน้าพัฒนาสู่ความเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาตั้งแต่ในปี .2555 ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยทางกลุ่มบริษัทไม่เพียงแต่ลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบการค้าปลีก การจัดการข้อมูล (Big Data) เทคโนโลยีคลาวด์(Cloud Technology) และความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์แล้ว แต่ยังมุ่งมั่นพลิกโฉม Supply Chain ด้านการค้าปลีกแบบ O+O ซึ่งยังช่วยให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดอีกด้วย

คุณไหงอธิบายว่า “Supply Chain เป็นหลักสำคัญของเราในการมอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่ไร้รอยต่อแบบ O+O ให้แก่ลูกค้าในช่วงการแพร่ระบาด โดยเราได้ปรับรูปแบบการทำงานของพนักงานทั่วโลกอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับคำสั่งซื้อออนไลน์ที่เพิ่ม
มากขึ้นโดยสามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้มากกว่า50% และการเข้ามารับสินค้าได้เกือบ 100% ผ่านเครือข่ายร้านค้า 16,000 แห่งของเรา พร้อมกันนี้ยังมีตัวเลือกที่หลากหลายในการจัดส่งภายใน 30 นาที ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการจัดส่งที่เร็วที่สุด

ถึงแม้เราไม่สามารถคาดการณ์วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นได้ แต่เรามีวิสัยทัศน์ที่ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนใน
การสร้างธุรกิจให้เป็นแพลตฟอร์ม O+O ที่เชื่อมประสานประสบการณ์ชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ดังนั้น เราจึงรู้ว่าเราต้องสร้างเครือข่าย Supply Chain ที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางได้อย่างไร ซึ่งในปัจจุบันเรามีเครือข่ายคลังสินค้าหลักเกือบ 90 แห่ง และเรายังได้ลงทุนเม็ดเงินกว่า 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อปฏิรูปการวางแผน การคาดการณ์ความต้องการผ่านเครื่องมือต่างๆ ตลอดจนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real-Time) การปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถของ Supply Chain ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจของเรามีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และนำมา
ซึ่งผลตอบแทนที่ดีในช่วงการแพร่ระบาด ตลอดจนช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดที่เต็มไปด้ายการแข่งขันได้