คปภ. -สมาคมประกันวินาศภัยไทย เคลียร์ปมประกันภัยรถแท็กซี่

คปภ. - สมาคมประกันวินาศภัยไทย” เคลียร์ปมประกันภัยรถแท็กซี่ ผนึก 8 บริษัทประกันภัย ตั้ง “Pool” รับประกันภัยโดยเฉพาะ

สำนักงาน คปภร่วมกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย นำ 8 บริษัทสมาชิกผู้รับประกันภัยรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่ร่วมลงนามใน “สัญญาการเข้าร่วมรับประกันภัย โครงการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่)” เพื่อจัดตั้งกองกลาง (Pool) สำหรับการประกันภัยรถแท็กซี่ โดยใช้กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยราคาเดียว 12,500 บาทต่อคัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ และเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจประกันภัย โดยมี ดร.สุทธิพล ทวีชัยการเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาการเข้าร่วมรับประกันภัย โครงการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563  ห้องประชุมสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลการรับประกันภัยรถแท็กซี่ ในปี 2561 ปรากฏว่า มีจำนวนรถแท็กซี่จดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกรวม 83,960 คัน แต่มีประกันภัยรถยนต์เพียง 63,536 คัน คิดเป็น 75% ของรถที่จดทะเบียน ดังนั้น หากรถแท็กซี่ทุกคันมีประกันภัยครบถ้วนแล้ว จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ ผู้ขับขี่ และผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ได้ หรือหากมีผู้ประสบภัยก็จะได้รับ ความคุ้มครองทั้งจากประกันภัยภาคบังคับ (...) และประกันภัยภาคสมัครใจอย่างครบถ้วน และจากการศึกษาข้อมูลต้นทุนในการรับประกันภัยรถแท็กซี่ยังพบว่า มีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสูงถึง 92% ซึ่งสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 3 เท่า ส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยขาดทุนจากการรับประกันภัยรถแท็กซี่ ประกอบกับเบี้ยประกันภัยที่บริษัทใช้รับประกันภัยนั้นไม่สอดคล้องต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น จึงทำให้บริษัทประกันภัยหลีกเลี่ยงที่จะรับประกันภัยรถดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ประสบกับปัญหาในการทำประกันภัย แต่จากการร่วมกันกำหนดแนวทางในการรับประกันภัย จึงเห็นควรให้มีการจัดตั้งกองกลางฯ (Pool) สำหรับการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่โดยมีบริษัทสมาชิกเข้าร่วมรับประกันภัย ผ่าน Pool ดังกล่าว จำนวน 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชนบริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชนบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชนบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชนบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชนบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชนบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชนและมีบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชนเข้าร่วมรับประกันภัยต่อ โดยได้มอบหมายให้บริษัทไทยรับประกันภัยต่อจำกัด (มหาชนเป็นผู้บริหารกองกลางฯ ดังกล่าว ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันภัยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงและมีข้อมูลในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดปัญหาหรือผลกระทบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวด้วยว่า กฎหมายกำหนดให้รถแท็กซี่ ต้องจัดทำประกันภัยเพิ่มเติมจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (...) แต่ข้อเท็จจริง เมื่อผู้ประกอบการ หรือเจ้าของรถแท็กซี่ ได้จัดทำประกันภัยรถยนต์ไว้ ปรากฏว่า เกิดปัญหาในการยกเลิกกรมธรรม์ภายหลัง หรือ ไม่มีบริษัทรับประกันภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่สำนักงาน คปภ.และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้จัดทำโครงการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่โดยจัดตั้งเป็นกองกลาง “Pool” ขึ้น จึงทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ สามารถทำประกันภัยได้ เนื่องจากมีบริษัทเข้ามารับประกันภัย มีอัตราเบี้ยประกันภัยและความคุ้มครองที่ชัดเจน ทำให้เกิดความมั่นใจว่า จะแก้ไขปัญหาต่าง  ที่เคยเกิดขึ้นได้ รวมถึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการใช้บริการและใช้ระบประกันภัยเข้ามารองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างดียิ่ง


ด้านเลขาธิการ คปภกล่าวว่า จากกรณีที่สำนักงาน คปภได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นปัญหา การรับประกันภัยรถแท็กซี่ระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยกับผู้ประกอบการสหกรณ์แท็กซี่ เนื่องจากบริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกันภัยและบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรถดังกล่าว ส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ประกอบการและภาพลักษณ์โดยรวมของธุรกิจประกันภัย ดังนั้น เมื่อช่วงปลายปี 2562 สำนักงาน คปภจึงได้จัดประชุมหารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทสมาชิกผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่และกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานครเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการรับประกันภัยให้มีรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้อัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ในการจัดหาผู้รับประกันภัยรถยนต์ตามที่กฎหมายกำหนดให้รถยนต์รับจ้างสาธารณะต้องมีประกันภัย ซึ่งจากการประชุมหารือดังกล่าวได้กำหนดแนวทางในการรับประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งนี้ จากการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน คปภสมาคมประกันวินาศภัยไทย และผู้ประกอบการสหกรณ์แท็กซี่ จึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่จะเป็นกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 เพื่อรับประกันภัยรถแท็กซี่ โดยมีเงื่อนไขความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ความเสียหายต่อชีวิตร่างกายหรืออนามัย 500,000 บาทต่อคน (เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม ...)  ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกสูงสุด  400,000 บาทต่อครั้ง ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้าย ไม่เกินคนละ 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล ไม่เกินคนละ 50,000 บาทสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวม 5 คน รวมทั้งการประกันตัวผู้ขับขี่ 500,000 บาทต่อครั้ง โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัย12,500 บาทต่อคัน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งอัตราเบี้ยประกันภัยดังกล่าว ยังไม่รวมค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ(...)

สำหรับรูปแบบการรับประกันภัยรถแท็กซี่จะทำในลักษณะโครงการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างภาคธุรกิจประกันภัยกับผู้ประกอบการสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และในขณะเดียวกันโครงการฯ นี้จะเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ในการบรรเทาความสูญเสีย และสร้างความอุ่นใจในชีวิตและทรัพย์สินให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาคธุรกิจประกันภัยได้รับข้อมูลสำหรับการนำไปใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยในอนาคตให้เป็นไปตามระดับความเสี่ยงภัยที่แท้จริง รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันภัย

สำนักงาน คปภขอขอบคุณสมาคมประกันวินาศภัยไทยและบริษัทประกันภัยทั้ง 8 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วนในสังคม ซึ่งการลงนามในสัญญาการเข้าร่วมรับประกันภัย โครงการประกันภัยรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่ในครั้งนี้  ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจประกันภัย และผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ขับขี่ รวมทั้งสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจประกันวินาศภัยอีกด้วย” เลขาธิการ คปภกล่าวในตอนท้าย