ชิค รีพับบลิค กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 0.90 บาทต่อหุ้น

ชิค รีพับบลิค(CHIC)`เคาะราคา IPO 0.90 บ.จอง 18-21 ก.ค.เทรด 27 ก.ค.นี้

 



  บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC ระบุในแบบรายงานแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 0.90 บาท/หุ้น

  กำหนดเปิดให้จองซื้อในวันที่ 18-20 และ 21 ก.ค. 65 โดยหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 

  นายธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่่วไป (IPO) ของ CHIC ที่ราคา 0.90 บาทต่อหุ้น 

  โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น CHIC ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ค.และ 21 ก.ค.65 ผ่าน 5 ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ได้แก่ 1.บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), 2.บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ 3.บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 2 แห่ง ได้แก่ 1.บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และ 2.บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (KTBST)

  CHIC จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Service) หมวดธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) ได้ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ 

  สำหรับการกำหนดราคาหุ้น IPO ที่ 0.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 31.69 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.0284 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564-31 มี.ค. 2565) ที่จำนวน 28.43 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ 1,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (Pre-IPO Dilution) 

  ขณะเดียวกันยังคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 43.06 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.0209 บาทต่อหุ้น หากพิจารณากำไรสุทธิต่อหุ้นที่คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ 1,360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (Post-IPO Dilution) แม้ภาพรวมตลาดหุ้นผันผวน แต่พื้นฐานของบริษัทค่อนข้างดี มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจ

  “เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน ซึ่งราคา IPO ที่ระดับ 0.90 บาทต่อหุ้น มีส่วนลดอยู่กว่า 10% เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกันคือบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM และบริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN มีระดับ P/E ที่ 35 เท่า ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีความเข้มแข็งด้านผลประกอบการค่อนข้างมาก เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อ โดยจะเห็นจากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการและมีกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง” นายธีร์ กล่าว 

  นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ CHIC เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ไปใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทเพิ่มเติม สำหรับการขายแบบ E-Commerce ในประเทศและกัมพูชา เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงพื้นที่บางสาขาในประเทศและขยายพื้นที่ให้เช่า สร้างแหล่งที่มาของรายได้ประจำ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่องด้านการเงินของบริษัท 

  การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ ปัจจุบันบริษัทมีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 6 สาขา โดยแบ่งเป็น 5 สาขาในประเทศ ได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม, พัทยา, บางนา, ราชพฤกษ์ และรามอินทรา และ 1 สาขาในต่างประเทศ ได้แก่ สาขากัมพูชา โดยมีแผนเตรียมขยายสาขาในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง รวมถึงเป็นฐานการจำหน่ายและการกระจายสินค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว เป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าของบริษัทในอนาคต

  นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า เนื่องจากแบรนด์ชิคเป็นที่รู้จัก ยอมรับว่าตลาดหุ้นผันผวนแต่เชื่อมั่นว่าแบรนด์ชิค น่าจะนำพาบริษัทให้สามารถเป็นที่สนใจของนักลงทุนได้ จะเห็นว่าแม้ช่วงการแพร่ระบาดของโควิดยังทำผลประกอบการให้มีกำไรอยู่ได้ แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีศักยภาพแม้ช่วงวิกฤตก็รักษากำไรได้