นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 21-22ม.ค. 2563 ได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ที่ระดับราคา 3.32 บาท และ 3.16 บาทหรือประมาณ 84.75 ล้านบาท ซึ่งการตัดสินใจ ในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น และ นักลงทุน หลังจากที่ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานท่ามกลางกระแสความกังวลต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบกับความเชื่อมั่นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังยืนยันว่าผลประกอบการบริษัทฯมีศักยภาพการเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าอัตราการเติบโตในระยะ 5 ปี (2562-2566) มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตเพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ ทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"การเข้าซื้อหุ้น WHA ครั้งนี้ อยากให้เป็นสิ่งสะท้อนว่า ผู้บริหารยังมีความเชื่อมั่นกับทิศทางธุรกิจที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงระยะสั้นกลุ่มนักลงทุนจะเกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ ที่ถูกมองว่า อาจจะได้รับผลกระทบจากกลุ่มทุนต่างชาติชะลอตัดสินใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม แต่วันนี้ ในฐานะ Group CEO ขอยืนยันว่า มีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาเจรจาซื้อที่ดินของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก และอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพเติบโตของผลประกอบการบริษัทฯเพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วงอดีตที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆปี และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันบริษัทฯมุ่งให้ความสำคัญกับการวางยุทธศาสตร์ในแต่ละธุรกิจ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสการต่อยอดการเติบโต ในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ ทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ Group อย่างมีนัยสำคัญ " นางสาวจรีพร กล่าว
“ ล่าสุด มีกลุ่มทุนต่างชาติหลายราย อาทิ กลุ่มทุนประเทศจีน ,ไต้หวัน และญี่ปุ่น เข้ามาเยี่ยมชมและ อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ คอนซูเมอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะผ่อนคลายไปบ้าง จากการลงนามข้อตกลงในเฟสแรก แต่เชื่อว่านโยบายการตั้งกำแพงภาษีน่าจะยืดเยื้อต่อไปอีกหลายปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมากในช่วง10 ปีที่ผ่านมา นโยบายทางการจีนสนับสนุนผู้ประกอบการลดลง ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ต้องโยกย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตัวเลือก ระดับอันดับต้นๆ หลังจากโครงสร้างพื้นฐานหลักพัฒนาโครงการ EEC มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 เป็นต้น ”
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 มกราคม 2563 ทีมคณะผู้บริหารของ WHA Group เตรียมเปิดแถลงแผนยุทธศาสตร์ปี 2563 อย่างเป็นทางการ เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทาง ในการขยายและต่อยอดการลงทุนขยายฐานบริการด้านต่าง ๆ ให้ครบวงจรในแต่ละธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานแบบครบวงจรในอาเซียน