FETCP เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนมีนาคม อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในเกณฑ์คงตัว นักลงทุนคาดหวังผลประกอบการ บจและ การคลี่คลายสถานการณ์รัสเซียยูเครน ช่วยหนุนความเชื่อมั่น ขณะที่ปัจจัยฉุดคือความกังวลต่อสถานการณ์ รัสเซียยูเครน และนโยบายดอกเบี้ย FED

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน(FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมีนาคม 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน(FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 117.92 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.3%  จากเดือนก่อนหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยนักลงทุนมองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 2565 จะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือความคาดหวังต่อการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครน และ การไหลเข้าของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งระหว่าง รัสเซียยูเครน รองลงมาคือนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED  และสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมีนาคม 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

 ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิถุนายน 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) เพิ่มขึ้น 4.3%  มาอยู่ที่ระดับ 117.92

 ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ทรงตัว”  ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรง

 หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดธนาคาร (BANK)

 หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)

 ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 2565

 ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งใน รัสเซียยูเครน

 

ผลสำรวจ  เดือนมีนาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 25.1% อยู่ที่ระดับ 113.24 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 22.2% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 5.9% อยู่ที่ระดับ 100.00 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 6.7% มาอยู่ที่ระดับ 133.33

ในเดือนมีนาคม 2565 SET Index ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1,619.10—1,698.40 จุด โดย SET index ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์แรกตามตลาดโลกหลังสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียยูเครน ส่อแววยืดเยื้ออย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไทยปรับตัวขี้นได้เร็วจากเงินทุนไหลเข้าที่ส่งผลให้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม โดยต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในเดือนมีนาคมรวม 32,770.51 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 2565 ต่างชาติซื้อสุทธิรวม กว่า 108,340.35 ล้านบาท นอกจากนี้ ตลาดทุนได้รับข่าวดีจากการที่ ศบคมีมติให้ยกเลิกการทดสอบ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดส เริ่ม 1 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อภาคท่องเที่ยวของไทย  ส่งผลให้ SET Index  สิ้นเดือนมีนาคม 2565 ปิดที่ 1,695.24 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียยูเครน และมาตรการที่นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันดิบ แผนการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ซึ่งการประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบแรก 0.25% เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ดี  ยังเป็นปัจจัยที่น่าติดตามหากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าคาดการณ์ซึ่งจะมีผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบหน้า  มาตรการผ่อนคลายต่อการรับมือวิกฤติโรคระบาด Covid-19 ในหลายประเทศซึ่งจะเอื้อให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวเร็วขึ้น ในส่วนของปัจจัยในประเทศได้แก่ การประกาศผลกระกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกของปี 2565 และสถานการณ์โรคระบาด Covid–19 หลังเทศกาลสงกรานต์