กรุงศรีโชว์กำไร 32.7 พันลบ.

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชนและบริษัทในเครือรายงานผลประกอบการในปี 2562 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น32.0% จากปี 2561 จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่แข็งแกร่งที่8.7%

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจไม่เอื้ออำนวย ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธนาคาร กรุงศรีสามารถรายงานกำไรสุทธิจำนวน 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากปีก่อนหน้า และสามารถขยายสินเชื่อได้ถึง 8.7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารที่ 6 - 8% การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2562 สะท้อนความสามารถและความคล่องตัวของธนาคารในการปรับพอร์ตสินเชื่อไปสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง และสอดคล้องกับเป้าหมายโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเพื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจในสัดส่วน 50:50 ตามเป้าหมายระยะกลางของธนาคาร กำไรสุทธิจำนวน 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากปี2561 (หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในปี 2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติจำนวน 26.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี2561)  การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ เพิ่มขึ้น 8.7% หรือจำนวน146 พันล้านบาท จาก  สิ้นเดือนธ.. 2561 เงินให้สินเชื่อมีการเติบโตครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีสินเชื่อเพื่อรายย่อยเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 11.1% ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น 6.6% เงินฝากเพิ่มขึ้น 9.9% หรือจำนวน 141 พันล้านบาท จากณสิ้นเดือนธันวาคม 2561,ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)อยู่ที่3.60% ปรับลดลงจาก 3.81% ในปี 2561 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น31.9% จากปี 2561 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 42.9% ปรับดีขึ้นจาก 47.2% ในปี 2561(หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในปี 2562 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามปกติของปี 2562 อยู่ที่ 45.1%) และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs)อยู่ที่ 1.98% ปรับดีขึ้นจาก 2.08% ในปี 2561 และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่163.8%,อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ระดับ 16.56%

นายอาคิตะให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมในปี 2563 ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงเผชิญปัญหาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่ด้วยนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กอปรกับการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอยู่ในระดับ2.5% ในปี 2563 กรุงศรีจึงตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อสำหรับปี2563 ที่ 5 - 7% ด้วยนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีความรอบคอบระมัดระวัง

 


 วันที่ 31 ธันวาคม 2562 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ(D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.82 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.57 ล้านล้านบาทและสินทรัพย์รวม 2.36 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 267.01 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.56% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น11.89%