S&P Global ชูกสิกรไทย ผู้นำธนาคารแห่งความยั่งยืนของโลก ระดับ Gold Class

กสิกรไทยยืนหัวแถวธนาคารแห่งความยั่งยืนของโลก จากการประเมินผลโดย S&P Global วิเคราะห์ผลการทำงานที่บูรณาการด้านความยั่งยืน ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ/ธรรมาภิบาล (ESG) ยกให้ได้มาตรฐาน S&P Global Sustainability Award ด้วยคะแนนผู้นำระดับ Gold Class พร้อมเดินหน้าพัฒนาการทำงานต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความท้าทายและโอกาสทุกมิติได้อย่างสมดุล

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยงและการบริหารต้นทุนที่เหมาะสมโดยธนาคารมุ่งรักษาสมดุลของการดำเนินธุรกิจทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการเข้ารับการประเมินมาตรฐานระดับประเทศและระดับสากล

ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ DJSI ปี ติดต่อกัน อีกทั้งล่าสุด S&P Global บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้ประกาศให้ธนาคารกสิกรไทยได้รับรางวัลความยั่งยืน S&P Global Sustainability Award ด้วยคะแนน S&P Global ESG Score สูงในระดับ Gold Class ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมธนาคารทั่วโลก การประเมินดังกล่าว S&P Global ได้จัดอันดับบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI และบริษัทชั้นนำที่รับการประเมินทั่วโลก จำนวน 7,554 บริษัท โดยมีธุรกิจธนาคารที่ได้รับการคัดเลือกอยู่ใน The Sustainability Year Book ประจำปี 2565 จำนวน 71 ธนาคาร เป็นระดับ Gold Class จำนวน 3ธนาคาร ระดับ Silver Class จำนวน 14 ธนาคาร และระดับ Bronze Class จำนวน 9 ธนาคารในการพิจารณาตัดสิน S&P Global ได้ประเมินผลการดำเนินงานของธนาคารกสิกรไทยทั้ง 3 มิติ ได้แก่

ด้านเศรษฐกิจ/ธรรมาภิบาล S&P Global ประเมินผลการดำเนินงานโดยให้น้ำหนักด้านเศรษฐกิจทีร้อยละ 55 พบว่า ธนาคารมีการดำเนินงานด้านหลักธรรมาภิบาลที่ดี การบริหารความเสี่ยงและวิกฤต มีนโยบายและมาตรการต่อต้านอาชญากรรมทางการเงินที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของธนาคารทั่วโลก และธนาคารยังสร้างคุณค่าจากการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ ทั้งข้อมูลการเงินและเทคโนโลยี รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใน Ecosystem ต่าง ๆ เพื่อพัฒนานวัตกรรมและบริการที่สร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ตอบสนองการใช้ชีวิตและธุรกิจของลูกค้า ทั้งในช่วงวิกฤติช่วงโควิด19 และการเดินหน้าไปต่อใน นิว นอร์มอล ได้อย่างยั่งยืน

ด้านสังคม S&P Global ประเมินผลการดำเนินงานโดยให้น้ำหนักด้านสังคมทีร้อยละ 32 พบว่า ธนาคารมีการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน การบริหารงานกิจกรรมเพื่อสังคม การดูแลอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การสร้างการเข้าถึงทางการเงิน และมีการเปิดเผยข้อมูลทางสังคมที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของธนาคารทั่วโลก นอกจากนี้ ธนาคารได้ส่งเสริมสังคมที่ยังยืน ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ความรู้ทางการเงินและทักษะต่างๆ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เช่น Klasssi และ AFTERKLASS รวมทั้งการจัดกิจกรรม CSR เพื่อดูแลสร้างสัมพันธ์กับชุมชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ ทำดี ทำได้ เป็นต้น 

ด้านสิ่งแวดล้อม S&P Global ประเมินผลการดำเนินงานโดยให้น้ำหนักด้านสิ่งแวดล้อมทีร้อยละ 13 พบว่า ธนาคารมีการรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของธนาคารทั่วโลก โดยธนาคารได้ประกาศเจตนารมณ์ด้านสิ่งแวดล้อมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitmentพร้อมพัฒนากลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภมิอากาศ ด้วยการปรับกระบวนการทำงานของธนาคารให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกควบคู่กับการสนับสนุนลูกค้า ภาคธุรกิจ และสังคม ให้ตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Changeเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปรับปรุงกระบวนการผลิต ลดการใช้พลังงาน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง สอดคล้องกับวาระเร่งด่วนของประชาคมโลก

นางสาวขัตติยา กล่าวตอนท้ายว่า ด้วยความเชื่อในหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainabilityธนาคารมุ่งพัฒนามาตรฐานการทำงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลูกค้าและสังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจNet Zero Economy อีกทั้งช่วยให้ลูกค้ารายเล็กสามารถเข้าถึงทางการเงินได้ เพื่อส่งมอบคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายและส่งมอบโลกที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นต่อไป