IRPC กางแผน 5 ปี ปรับธุรกิจสู่องค์กรแห่งนวัตกรรม

IRPC เปิดแผนธุรกิจ 5 ปี ต่อยอดธุรกิจปัจจุบันสู่ธุรกิจ “Beyond Petrochemical & Refinery”   สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมรุกธุรกิจใหม่สู่ New S-Curve ตั้งเป้า EBITDA มากกว่า 20,000 ลบในปี 2025 มุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม ใช้องค์ความรู้ด้านวัสดุและพลังงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบในอนาคต ควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อม เตรียมพร้อมสู่องค์กร Net Zero Emission วางเป้าหมายลด GHG ลง 20% ในปี 2030

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชนหรือ IRPC เปิดเผยว่า ในปี 2021 IRPC ได้ประกาศปรับวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กร “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life)” ที่มากกว่าการเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่นน้ำมัน สอดรับกับทิศทางของโลกในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกรูปแบบ สร้างความยั่งยืน และเกิดประโยชน์กับประเทศ โดยตั้งเป้าหมายEBITDA มากกว่า 20,000 ล้านบาท ในปี 2025 ด้วยการต่อยอดความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจใหม่ และเตรียมความพร้อมสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยวางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) ลง 20% ในปี 2030

สำหรับแผนธุรกิจ 5 ปี (2022-2026) IRPC ได้กำหนดกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็ง จากภายใน ด้วยการพัฒนาและขยายธุรกิจที่มีความชำนาญไปยังห่วงโซ่คุณค่าใกล้เคียงของธุรกิจ และการแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ ได้แก่ การต่อยอดการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน (Core Uplift), การลงทุนในกลุ่มธุรกิจข้างเคียง (Adjacent Business) และการสร้างธุรกิจใหม่ (Step Out Business) ดังนี้  

การต่อยอดการเติบโตจากกลุ่มธุรกิจในปัจจุบัน (Core Uplift) ได้แก่ โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐาน ยูโร 5  (Ultra Clean Fuel Project: UCF) มูลค่า 1.33 หมื่นล้านบาท ตามนโยบายของภาครัฐและจากแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้นของน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ ทั้งภายในประเทศและภูมิภาคอาเซียน เพื่อลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2024 ตลอดจนการพัฒนาและการเพิ่มสัดส่วนการขายเม็ดพลาสติก  ชนิดพิเศษ (Specialty) จาก 20% ในปี 2021 เป็น 52% ในปี2025 โดยบูรณาการกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าตลาดและการตอบสนองต่อลูกค้า

การลงทุนในกลุ่มธุรกิจข้างเคียง (Adjacent Business) ได้แก่ โครงการผลิตเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน(PP Melt blown) และการร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด เพื่อผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญสำหรับผ้าชั้นกรองหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ และแผ่นกรองอากาศ เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้ผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ที่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2021 และ IRPC ยังได้ร่วมมือกับ ปตทในการศึกษาการผลิตถุงมือทางการแพทย์โดยใช้ Nitrile Butadiene Latex (NBL) เป็นวัตถุดิบ ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับด้านสาธารณสุข วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของประเทศไทย สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาธุรกิจ New S-Curve กลุ่ม Life Science ของกลุ่ม ปตทรวมถึงการจัดตั้ง “วชิรแล็บ” ห้องปฏิบัติการกลาง เพื่อตรวจสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2021 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์ การพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Medical Hub ของอาเซียน  

การสร้างธุรกิจใหม่ (Step Out Business) ได้แก่ (1) การบ่มเพาะนวัตกรรมจากภายใน (Inside-out Innovation) หรือการทำ Corporate Startup เช่น การสร้างนวัตกรรมทางการเกษตร ซิงค์ออกไซด์นาโน (ZnO NANO) ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก  ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) ที่ทำให้มีขนาดเล็กระดับอนุภาคนาโน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรและปลอดภัยต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม (2) การแสวงหานวัตกรรม จากภายนอก (Outside-in Innovation) ผ่านการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) และการลงทุนในธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อแสวงหา Start up หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่โดยการ M&A ที่นอกจากจะได้รับผลตอบแทนทางการเงินแล้ว บริษัทฯ ยังได้องค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ การดำเนินธุรกิจNew S-Curve อีกด้วย

นอกจากนี้ IRPC มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่องค์กร Net Zero Emission โดยวางเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ในปี 2030 โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพจากการใช้พลังงานแห่งอนาคต รวมทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น การขยายโครงการ Floating Solar และโครงการ Solar Farm ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี จังหวัดระยองการพัฒนาวัสดุเคลือบแผง Solar Cell ลดความร้อน และส่วนประกอบอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม จะเป็นการช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ IRPC สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน “IRPC สร้างสิ่งที่ดีเพื่ออนาคต