GUNKUL ดวงเฮง บ.ย่อยคว้างานสายไฟลงดินส่งท้ายปี มูลค่า 3114 ลบ.


 

บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL)ดวงงานพุ่งไม่หยุด ล่าสุด บริษัทย่อย คว้างานนำสายไฟฟ้าลงดินจาก กฟน.ระยะทาง 11.7 กิโลเมตร รวมมูลค่า 3,114 ล้านบาท  “ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย” มั่นใจธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะเติบโตทุกมิติ ระบุพร้อมลุยยื่นประมูลโปรเจคใหม่อย่างต่อเนื่อง ดันผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

 

ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL)เปิดเผยว่า   การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้พิจารณาตกลงให้บริษัท คอนซอร์เตียม เอสเควาย แอนด์ เอฟอีซี (บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) จำกัด และบริษัท ฟิวเจอร์ อีเล็คทริคอล คอนโทรล จำกัด   ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL  ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน โครงการพื้นที่ชั้นใน ระยะทาง 11.7 กิโลเมตร  คิดเป็นมูลค่าโครงการ 3,114 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)  โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 

 

“กฟน.ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ที่เป็นแหล่งธุรกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต  และเสริมสร้างทัศนียภาพของกรุงเทพให้มีความสวยงาม ดึงดูความน่าสนใจของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนในการทำให้ กฟน.สามารถดำเนินแผนงานบรรลุเป้าหมายตามนโยบาย และสอดรับกับยุทธศาสตร์ของ กฟน.ที่จะยกระดับคุณภาพไฟฟ้าให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งพัฒนาคุณภาพระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อการเป็นมหานครแห่งอาเซียนต่อไป  และจากการที่บริษัทฯ ได้รับการพิจารณาดำเนินโครงการจากกฟน. ในครั้งนี้จะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น”

 

ดร.สมบูรณ์ กล่าวต่อว่า นับจากนี้ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ จะเติบโตอย่างโดดเด่น  โดยยังคงเดินตามแผนเพื่อเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)  อย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพของรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัท  ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้มีงานที่รอผลการประมูล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท  หากได้งานจะช่วยสนับสนุนให้งานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2562 เพิ่มขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท  โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2563