SVT โชว์แผนปี 65 รุกขยายเวนดิ้ง แมชชีน-เปิดสาขาใหม่เพิ่ม-ธุรกิจแฟรนไชส์





SVT โชว์แผนปี 65 ดันเป้ารายได้เติบโต25%

รุกขยายเวนดิ้ง แมชชีน-เปิดสาขาใหม่เพิ่ม-ธุรกิจแฟรนไชส์

SVT”  ประกาศแผนธุรกิจปี65 หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ หวังเป้ารายได้เติบโต 25% รุกขยายสาขาภาคเหนือ-อีสาน พร้อมเดินเครื่องธุรกิจแฟรนไชส์เต็มสูบ-เพิ่มจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็น 17,000 ตู้ 

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน :Vending Machine) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING”  เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจใน2565 หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ว่า บริษัทฯวางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวไปลงทุนใน ส่วนหลัก คือ  1. ใช้ในการจัดหาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพื่อขยายการติดตั้งให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ 2.พัฒนาระบบและจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบสมาร์ท

ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทฯมีแผนขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มเป็น 17,000 เครื่องหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 เครื่อง จากเดิมในปี 2564 มีจำนวนเครื่องทั้งหมด 14,600 เครื่อพร้อมปรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบธรรมดาให้เป็นแบบสมาร์ทเพิ่มเป็น 7,500 เครื่อง

ด้านการขยายจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในปี 2565  จะเริ่มขยายตั้งแต่ต้นปี เริ่มที่จังหวัดลำพูนเป็นแห่งแรก เจาะกลุ่มเป็นหมายที่เป็นภาคอุตสาหกรรม และจังหวัดอุดรธานี เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงาน ส่วนภาคใต้ จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2566

ในส่วนของการทำระบบแฟรนไชส์ คาดว่าจะเริ่มเปิดโมเดล หรือสาขาต้นแบบก่อน ภายในสิ้นปี 2564  เบื้องต้นมีลูกค้าสนใจทำระบบแฟรนไชส์แล้วจำนวน 1-2 ราย โดยเป็นโครงการนำร่อง  ก่อนที่จะมีการขยายธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการในปี2565 

 

สำหรับเป้าหมายหลังจากที่รุกทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปี2565 บริษัทฯวางเป้าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 25% โดยมีปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโต คือ ความเชื่อมันเรื่องวัคซีน รวมถึงการเดินหน้าขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ครอบคลุมมากขึ้น และการเปิดธุรกิจใหม่ อย่าง  เฟไชส์ , ระบบเช่า, โฆษณาในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และการรุกขายตู้มากขึ้น ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าของสินค้า หรือผู้ผลิตสินค้าเอง, กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง และลูกค้ารายย่อย อาทิ โรงแรม, โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น