โบรคส่องหุ้น TPCH ราคาเป้าหมาย 16.60 บ.

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำซื้อหุ้น TPCH โดยให้ราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 16.60 บาท เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 มีความมั่นคงตามที่มองไว้ โดย TPCHรายงานกำไรสุทธิ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.5%จากไตรมาส1/62 และเพิ่มขึ้น 6%จากงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งเป็นไปตามที่มองไว้ว่า ผลกำไรจะขยายตัวเล็กน้อยจากไตรมาส 1/62เนื่องจากในไตรมาส 1/62 มีการหยุดโรงไฟฟ้าชั่วคราวในบางแห่ง (โรงไฟฟ้า TSG SGP MWE) 

 

 

 

 

ขณะที่ต้นทุนดำเนินการส่วนใหญ่ควบคุมได้ดี โดยกำไรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6%จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่ผลักดันมาจากภาระดอกเบี้ยที่ลดลง 9%จากปีก่อน ตามการชำระหนี้โครงการและโรงไฟฟ้าของบริษัทร่วม MGP สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 11ล้านบาท หักล้าง การขาดทุน 5 ล้านบาท ของโรงไฟฟ้าขยะชุมชน Siam Power กำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งล่าสุดได้รับสัญญารับซื้อ ไฟฟ้า(PPA) 23 ปีจาก กฟน. แล้วเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมปัจจุบันทรงตัวที่ 53 เมกะวัตต์จากสัญญา PPA

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมยังคงเท่าเดิม ก่อนที่จะมีโรงไฟฟ้า 2 โรงใหม่ (TPCH1,2รวม 16เมกะวัตต์) เข้ามา CODในช่วงไตรมาส 4/62 ตามแผนของบริษัท อย่างไรก็ดี อาจมีค่าใช้จ่ายในช่วงการเตรียมการช่วงท้ายมารวบกวนบ้าง แต่มองว่าไม่มีนัยสำคัญ

คำแนะนำการลงทุน โดยแนะนำให้ “ซื้อ” เพราะราคายังถูกมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม ซึ่งทิศทางของบริษัทยังเป็นไปตามประมาณการโดยกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็น 50% ของประมาณการ ทั้งปีจึงคงประมาณการ และราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 16.60 บาทต่อหุ้นอิงSOTP ไว้ตามเดิม ปัจจุบันพีอี ปี 2562-2563 ยังคงต่ำเพียง 14-16 เท่า ยังคงมองว่าต่ำมาก เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตที่กำลังทยอยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28%ต่อปี ระหว่างปี 2562-2564 นี้และหุ้นโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ซึ่งซื้อ ขายที่พีอีระดับ 30-60 เท่า

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำให้ถือหุ้นTPCH โดยมีราคาเป้าหมายที่ 13.90 บาท เนื่องจากอยากให้รอดูความคืบหน้าการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม คาดราคาหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก หลังฐานกำไรไตรมาส2/62 ยังเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ในขณะที่ ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.084 บาทต่อหุ้นหรือเท่ากับ Dividend yield 0.64%

จากแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงทรงตัวและ ยังไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มเติม จึงยังคงคำแนะนำถือลงทุนไปก่อน