STOWER ไตรมาส 2 พลิกมีกําไร 42.8 ล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่ง DE ลดเหลือ 0.3 เท่า เดินหน้าขยายฐานรายได้เทเลคอมในฟิลิปปินส์ จ่อสรุปเพิ่มอีก 50 สถานี

STOWER ไตรมาส 2 พลิกมีกําไร 42.8 ล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E ลดเหลือ 0.3 เท่า เดินหน้าขยายฐานรายได้เทเลคอมในฟิลิปปินส์ จ่อสรุปเพิ่มอีก 50 สถานี

พร้อมแต่งตั้งอดีตเอกอัครราชทูต ธนาธิป อุปัติศฤงค์ นั่งประธานกรรมการบริษัท

นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ STOWER เปิดเผยว่า ผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 2/2564 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 100.33 ล้านบาท และมี กําไรสุทธิ 42.80 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 170.30 ล้านบาท โดยบริษัท เริ่มมีกําไรจากการดําเนินงานในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ได้ดําเนินการ เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ผ่านมา โดยตัดขายธุรกิจที่ไม่สร้างกําไรออก และได้ขยายฐานธุรกิจให้เช่าสถานี โทรคมนาคมในต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้ดําเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 สถานี โดยรายได้จากค่าเช่าที่เกิดขึ้น จะมีการรับรู้ในไตรมาส 3 นี้ และบริษัทกําลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อสรุปออเดอร์การเช่าสถานีเทเลคอมเพิ่ม จากบริษัทผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่อีกประมาณ 50 สถานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน 140 สถานี ในปี 2564

บริษัท SkyTowers Infra Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้เช่าเสาเทเลคอมกับ GLOBE TELECOM ซึ่งบริษัทมือถืออันดับ 1 ในประเทศฟิลิปปินส์ มีลูกค้ากว่า 90 ล้านเลขหมาย และเป็น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippine Stock Exchange-PSE) ปัจจุบันอยู่ ระหว่างการหารือด้านเทคนิค สํารวจพื้นที่ (Technical Site Survey) และการเจรจาเงื่อนไขในสัญญาเช่า คาด ว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนถึงตุลาคมนี้ ซึ่งการมี GLOBE TELCCOM เป็นลูกค้าเพิ่มรายที่ 2 จะเป็นส่วน หนึ่งที่จะเสริมให้การสร้างรายได้จากธุรกิจเทเลคอมเป็นไปตามแผน

ฐานะทางการเงินของบริษัทที่มีความมั่นคงมากขึ้น ได้รับผลดีจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือ หุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น หรือ Right Offering ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิจองซื้อหุ้นครบตามจํานวนที่เสนอขาย จํานวน 526 ล้านบาท จึงทําให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 130.34 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2564 เป็น 694.97 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2564 นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถลดภาระหนี้และค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดลงจาก 3.95 เท่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2564 คงเหลือเพียง 0.33 เท่าในปัจจุบัน จึงทําให้บริษัทมีความพร้อมที่จะขยายฐานธุรกิจให้เช่าสถานี โทรคมนาคมในประเทศฟิลิปปินส์และธุรกิจที่จะสร้างรายได้และกําไรให้บริษัทได้

 

 ส่วนงานโครงการเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในประเทศของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ส่วน ใหญ่ถูกเลื่อนการเปิดประมูลมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทําให้การ สั่งซึ้อเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในปี 2564 ต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ดี โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้า ของกฟผ.ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งในครึ่งปีหลังของปี 2564 ยังมีแผนการเปิดประมูลงาน โครงการเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500kV ที่มีมูลค่าเฉพาะเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงประมาณ 3,600 ล้านบาท และใน ปี 2565 อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทล่าสุด ได้มีมติแต่งตั้งนายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เป็นกรรมการ บริษัท โดยเป็นกรรมการอิสระและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์และ ความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานรัฐและเอกชนในต่างประเทศ มีความรคู้ วามสามารถที่ได้รับการยอมรับจากผู้นํา ในต่างประเทศ โดยเคยดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก กรุงมะนิลา กรุงโตเกียว และกรุงจาการ์ตา รวมทั้งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเอกอัครราชทูตประจําสํานักงานปลัดกระทรวงการ ต่างประเทศ และยังเป็นเอกอัครราชทูตไทยคนแรกที่ได้รับเหรียญประดับแห่งการเสริมสร้างการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างประเทศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหพันธรัฐรัสเซีย