BM ปลื้มกำไร Q1ปี64 พุ่ง22 เปอร์เซ็น


“BM” แจงผลงาน Q1 ปี 64 กำไรเพิ่ม 22% ยอดขายปังแม้โควิด-19 ระบาดหนัก เน้นงานส่งออกเป็นหลัก พร้อมออกวอร์แรนท์แจกผู้ถือหุ้นฟรี สัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1หน่วยวอร์แรนท์

นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 281.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 13.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.52 ล้านบาท หรือโต 22.32 %เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากยอดขายที่ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรในไตรมาสนี้ได้เป็นอย่างดี 

บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 36.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 14.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักจากการตั้งสำรองลูกหนี้ตาม TFRS 9 จำนวน 4.78 ล้านบาท  ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจาก บริษัท นิตโต้ โคเกียว บีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด มีผลขาดทุนเท่ากับ 3.01 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาอาคารโรงงานและเครื่องจักรใหม่ที่พึ่งสร้างและติดตั้งเครื่องจักรเสร็จในไตรมาส 1 รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทดสอบเครื่องและฝึกอบรมพนักงาน ก่อนจะเริ่มการเดินเครื่องผลิต ซึ่งได้เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้วในไตรมาส 2 นี้

“เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ มีความหลากหลาย รวมถึงการเพิ่มการผลิตชิ้นงานเพื่อเน้นการส่งออก และกระจายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จึงทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นและไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มากนัก แต่บริษัทฯ เองก็หวังว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่ลายในเร็ววัน และเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวในไม่ช้า”  นายธานิน กล่าว 

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ผ่านมา (14 พ.ค.64) มีมตินำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอร์แรนท์) ครั้งที่ 2 (BM - W2) จำนวน 146,666,708 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใช้สิทธิ 1 บาทต่อหุ้น อัตราการใช้สิทธิ 1:1 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นี้