PRM เผยความคืบหน้าเข้าซื้อหุ้นสามัญไทยออยล์มารีน คาดแล้วเสร็จไตรมาส 2



บมจ.พริมา มารีน หรือ PRM ประเมินการเข้าซื้อหุ้นสามัญของไทยออยล์มารีน (TM) ช่วยหนุนศักยภาพการดำเนินธุรกิจในระยะยาวจากการผนึกกำลังความร่วมมือกับกลุ่มไทยออยล์ เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม คาดกระบวนการเข้าซื้อหุ้นแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปีนี้      

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (“PRM”)
ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
เปิดเผยถึงความคืบหน้ากระบวนการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทไทยออยล์มารีน จำกัด (TM) ในกลุ่ม บมจ.ไทยออยล์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการจากความร่วมมือทางธุรกิจ (Synergy) ระหว่าง PRM กับกลุ่มไทยออยล์

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรับเรือของไทยออยล์มารีน จำนวน 18 ลำ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศจำนวน 5 ลำ และกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งเพื่อให้การสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (กลุ่มธุรกิจ Offshore) อีก 13 ลำ รวมถึงจะให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศด้วยเรือ VLCC อีกจำนวน 3 ลำ โดยมีแผนการส่งมอบในปี 2564 และ 2565 ด้วยสัญญาระยะยาว

บริษัทฯ จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญผสมผสานกับจุดแข็งของไทยออยล์มารีน เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจในการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศจะทยอยฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Offshore ที่มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสำรวจปิโตรเลียมในทะเลเพิ่มขึ้นเช่นกัน   

“การเข้าซื้อหุ้นสามัญไทยออยล์มารีนครั้งนี้ทำให้เกิดการ Synergy กับกลุ่มไทยออยล์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจในระยะยาวจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านการขนส่งพลังงานของประเทศ และจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบให้แก่ PRM อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวิริทธิ์พล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเข้าซื้อหุ้นสามัญที่เหลืออีก 20% ของ บริษัท บิ๊กซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลภายในประเทศ ซึ่งจะเข้ามาช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงานให้แก่ PRM โดยคาดว่ากระบวนการซื้อหุ้นสามัญในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 เช่นกัน