ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เห็นสัญญาณบวก ตั้งเป้าโต 30 เปอร์เซ็น พร้อมขยายธุรกิจ มั่นใจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564


 


  ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ดินหน้าประกาศแผนธุรกิจประจำปี 2564 พร้อมเผยภาพรวมความสำเร็จของธุรกิจในปี 2563 โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์มีการเติบโตสอดคล้องกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังโดดเด่น และเขตอุตสาหกรรมในเวียดนามที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คว้าสัญญาจากนักลงทุนรายใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

 

บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุนเข้ากองทรัสต์ WHART และ HREIT ที่มีมูลค่ารวม 4,870 ล้านบาท อีกทั้งทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A- พร้อมประกาศแผนธุรกิจประจำปี 2564 มุ่งพัฒนาธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มให้พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างราบรื่นตั้งเป้ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 30 และยังคงระดับอัตราผลกำไร EBITDAอยู่ที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ตอกย้ำความเป็นผู้นำของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในประเทศไทย รวมถึงการขยายธุรกิจในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น และยังคงมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ

 

ความสำเร็จอันโดดเด่นในปี 2563

 

ปี 2563 เป็นอีกหนึ่งปีที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศไทยในฐานะผู้พัฒนาด้านโลจิสติกส์  นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล แพลตฟอร์ม 

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมในประเทศไทย อันเนื่องมาจากการระงับการเดินทางชั่วคราว แต่ความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มลูกค้ายังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่สามารถดึงดูดการลงทุนได้อย่างแข็งแกร่ง

 

กลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ สามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในปีแห่งความท้าทาย โดยกลุ่มธุรกิจ
โลจิสติกส์ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น สอดรับกับความสำเร็จของวงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซและความต้องการคลังสินค้าในไทยที่เพิ่มมากขึ้นโดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าที่มีผู้เช่าภายใต้การถือครองและบริหารเพิ่มขึ้นประมาณ 130,600 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีการทำสัญญาให้เช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง อีกจำนวน 112,000 ตารางเมตร

 

สำหรับการลงทุนในประเทศเวียดนาม มีเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติจำนวนมหาศาล ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่ดินในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน ในจังหวัดเหงะอาน เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันสามารถขายที่ดินได้ครึ่งหนึ่งของโครงการเฟส 1 ซึ่งมีพื้นที่รวม 900 ไร่

 

ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายและตลาดกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้เตรียมพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ได้แก่ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับทัส โฮลดิ้งส์ ผู้พัฒนาศูนย์ให้บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศจีน เพื่อดำเนินการศูนย์บ่มเพาะนวัตกรรม ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ แห่งแรกของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร และการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายก๊าซอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ

 

ประเทศเวียดนามนับว่าเป็นหนึ่งในประเทศได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่รองรับการย้ายฐานการผลิตนอกเหนือจากประเทศไทย ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่งในจังหวัดทัญฮว้า พื้นที่รวมเกือบ 7,500 ไร่ นับเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สำหรับนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอในประเทศไทยยังคงพัฒนาและขยายตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3)พัฒนาแล้วครอบคลุมพื้นที่ 2,200 ไร่ ในขณะที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36(WHA RY 36) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่11 ในประเทศไทยของบริษัท มีพื้นที่ 1,281 ไร่ได้เริ่ดำเนินการพัฒนาในไตรมาสที่ 4 ปี 2563ที่ผ่านมา

 

ในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานดับบลิวเอชเอ ได้เพิ่มการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การเริ่มเปิดดำเนินการของโครงการ Wastewater Reclamation Plant ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยกำลังผลิต 9,125,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งมีโรงผลิตน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Waterด้วยกำลังผลิตสูงสุดกว่า 4,400,000ลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อให้บริการแก่บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) แม้ว่าจะมีสถานการณ์ภัยแล้งและการแพร่ระบาดของโควิด-19 WHAUP ยังสามารถเพิ่มยอจัดจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมขึ้นเป็น 114 ล้านลูกบาศ์กเมตร หรือคิดเป็นการเติบโตราวร้อยละ 3.7 จากปีก่อน การพัฒนาธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีความต้องการจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอบริการติดตั้งและการบริหารจัดการแบบครบวงจร ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดเซ็นสัญญาเพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้า รวม 50.8 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น 590 เมกะวัตต์ 

 

เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 กลุ่มธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จำนวน 109 ตู้แร็ค กับบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) นอกจากนั้น ดับบลิวเอชเอ ยังได้จับมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำเพื่อวางแผนการติดตั้งเครือข่ายเพื่อกระจายสัญญาณ 5G และทดสอบการใช้งานจริงของโซลูชัน 5ภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ

 

ในปี 2563 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนเข้ากองทรัสต์ WHARTและ HREIT คิดเป็นมูลค่ารวม 4,870 ล้านบาทโดย HREIT เป็นการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ลงทุนในพื้นที่งงาน และคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่า บนพื้นที่รวม 48,127 ตารางเมตร เช่นเดียวกับ WHART ที่ได้เพิ่มทุนครั้งที่ 5 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ประกอบด้วยโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 3 โครงการ ซึ่งมีพื้นที่รวม 128,789 ตารางเมตร

 

บริษัทฯ คาดว่ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติในปี 2563 จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากปีก่อน โดยมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวม 8.3 หมื่นล้านบาท และทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A-

 

“แม้ว่าต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เราได้วางรากฐานอันมั่นคงไว้ให้กับทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท ผลตอบรับที่ได้จึงเป็นไปตามทีคาดการณ์ไว้ ตลอดจนยังสามารถรักษาฐานกลุ่มลูกค้าไว้ได้ ทำให้เราได้รับผลกระทบน้อยมาก” นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทาย บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจ นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายธุรกิจโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้อย่างแข็งแกร่ง เราได้ไปถึงส่วนหนึ่งของเส้นทางสำคัญที่ตั้งไว้ และพร้อมมุ่งมั่นที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการลงทุนและพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นในปี 2564” นางสาวจรีพร กล่าวเพิ่มเติม

 

 

ทิศทางกลยุทธ์แผนธุรกิจประจำปี 2564 ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป

 

บริษัทฯ เริ่มต้นปี 2564 ด้วยการเปิดตัวโครงการ ดับบลิวเอชเอ ทาวเวอร์ (WHA Tower) อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ บนถนนเทพรัตน ก.ม. 7 (ถนนบางนา