สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งลงโทษสถานหนัก เพิกถอนการให้ความเห็นชอบและสั่งห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 10 ปี แก่นางสาวสรีรัตน์ แซ่เจ้า อดีตผู้แนะนำการลงทุนสังกัดธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หลังตรวจสอบพบพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของลูกค้าหลายรูปแบบ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 4 แสนบาท
ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการตรวจสอบจากธนาคารทหารไทยธนชาต และได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม พบว่าระหว่างปี 2558 - 2567 นางสาวสรีรัตน์ได้อาศัยความไว้วางใจของลูกค้ากระทำการโดยมิชอบใน 3 ลักษณะ คือ:
- แอบนำบัตรเครดิตของลูกค้าไปเบิกถอนเงินสด และนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว
- ปลอมแปลงข้อมูลลูกค้า โดยเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และอีเมลในบัญชีเงินฝากของลูกค้าเป็นข้อมูลของตนเอง เพื่อลักลอบสมัครบริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งในนามลูกค้า และถอนเงินจากบัญชีไปใช้
- สั่งขายกองทุนของลูกค้าโดยพลการ ผ่านบริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งที่แอบสมัครไว้ ก่อนจะโอนเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนทั้งหมดเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง
การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่ลูกค้ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 389,622.60 บาท อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่านางสาวสรีรัตน์ได้ชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่ลูกค้าครบถ้วนแล้ว
ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนางสาวสรีรัตน์เป็นการกระทำที่ส่อไปในทางไม่สุจริตอย่างร้ายแรง และไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน จึงมีคำสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุน และกำหนดระยะเวลาห้ามยื่นคำขอเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในอนาคตเป็นเวลา 10 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้เน้นย้ำและฝากเตือนไปยังผู้ลงทุนทุกท่านให้หมั่นตรวจสอบรายงานการถือหน่วยลงทุนและบัญชีเงินฝากของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือ ห้ามใช้หรือยินยอมให้ผู้แนะนำการลงทุนใช้ที่อยู่ อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของผู้แนะนำฯ ในการทำธุรกรรมหรือรับเอกสารใดๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทุจริตในลักษณะเดียวกันนี้