TRINITY เปิดกลยุทธ์เด็ด! ชี้ช่องลงทุนหุ้นไทย "เล่นเป็นรอบ-ตามรายใหญ่" แนะจับตาหุ้นแข็งแกร่ง
นายเดชธนา ฟางสะอาด ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยกลยุทธ์และมุมมองที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเน้นย้ำว่าหัวใจสำคัญของการทำกำไรในยุคนี้คือการ "เล่นเป็นรอบ" และหลีกเลี่ยงการเทรดรายวัน พร้อมชี้เป้าหุ้นรายตัวที่น่าจับตา
ภาพรวมตลาด: "ราคาถูก" คือโอกาส
นายเดชธนามองว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ทำให้หุ้นเกือบทุกตัวมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ สิ่งที่นักลงทุนต้องทำคือการจับจังหวะของตลาดให้ถูก โดยชี้ว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือการเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดเริ่มเป็นขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้กำไรอย่างทั่วถึง ดังตัวอย่างช่วงหลังวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ที่ไม่ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหนก็มีโอกาสทำกำไรได้ทั้งสิ้น
"จริงๆ เราไม่ต้องเล่นหุ้นทุกวัน แต่เราเล่นเป็นรอบเอา จะดีที่สุด" นายเดชธนากล่าว
กลยุทธ์หลัก: เล่นเป็นรอบ และ Run Trend อย่า "ขายหมู"
หัวใจสำคัญที่ถูกเน้นย้ำคือการลงทุนเป็นรอบ (Cycle) แทนการซื้อขายรายวัน และเมื่อหุ้นอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ต้องรู้จัก "รันเทรนด์" (Run Trend) หรือปล่อยให้กำไรเติบโตต่อไป โดยใช้เทคนิค Trailing Stop เพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่ไม่ปิดกั้นโอกาสทำกำไร
"สมมติว่าราคาที่พี่อยากขายคือราคานี้ ถ้ามันยังไม่หลุด ก็ถือไปก่อน ถ้าหลุดค่อยขาย แต่ถ้ามันขึ้นต่อไป เราก็ค่อยๆ เลื่อนจุดขายตามขึ้นไป อย่างนี้จะไม่ทำให้เราขายหมู (ขายเร็วเกินไป)" นายเดชธนากล่าว
เจาะลึกหุ้นรายตัวที่น่าสนใจ
กลุ่มธนาคาร: เป็นกลุ่มที่แนะนำให้ลงทุน โดยเฉพาะ กรุงไทย (KTB) ที่ถูกมองว่าเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ส่วน KBank และ SCB แนะให้ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว อย่าเข้าซื้อทั้งหมดในครั้งเดียว
MK Restaurants (หุ้น M): ถูกยกให้เป็นหุ้นที่ "แข็งแกร่งที่สุดในตลาด" ในกลุ่ม Big Cap ณ ขณะนี้ และเป็นหุ้นที่ควร "ถือรอขาย" (Hold for sell) เนื่องจากเป็นหุ้นที่ถือเงินสดไว้เป็นจำนวนมากและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
STECON: อยู่ในจุดที่ "ใกล้พีค" นักลงทุนที่มีอยู่แล้วควร "ถือรอขาย"
การบินไทย (THAI): หากราคาสูงกว่า 15-16 บาท จะเป็นโซนของการเก็งกำไร เนื่องจากราคาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานไปมากแล้ว แต่หากราคาปรับตัวลงมาที่ระดับ 13-14 บาท จะเป็นจุดที่น่าสนใจในการลงทุนมากกว่า
AOT: การเคลื่อนไหวของราคาขึ้นอยู่กับ Fund Flow หรือกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก