ดุสิตธานีแตกหัก! 'สินี-สุนงค์' โต้ 'ชนินทธ์' ยันโปร่งใส ไม่ได้เปิดทางคนนอก

ศึกสายเลือดดุสิตธานีเดือด! 'สินี-สุนงค์' ตอกกลับ 'ชนินทธ์' ยันทำเพื่อองค์กร ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตน

กรุงเทพฯ, 28 สิงหาคม 2568 - กรณีความขัดแย้งภายในอาณาจักรโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ "ดุสิตธานี" ทวีความร้อนแรงขึ้น เมื่อนางสินี เธียรประสิทธิ์ และนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ออกเอกสารชี้แจงโต้แย้งแถลงการณ์ของนายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) อย่างดุเดือด โดยยืนยันการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของดุสิตธานีและผู้ถือหุ้น มิใช่เพื่อเปิดทางให้บุคคลภายนอกเข้าครอบงำกิจการแต่อย่างใด

ชนินทธ์ แถลงเปิดใจปม "คนนอก"

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายชนินทธ์ โทณวณิก ทายาทคนสำคัญของดุสิตธานี ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท โดยระบุว่ามีการเสนอกรรมการใหม่บางคนที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งอาจเป็นการเปิดทางให้คนนอกเข้าควบคุมกิจการที่ครอบครัวสร้างมาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง (อ่านข่าวประกอบ : 1ในทายาทขอเปิดใจ กำลังเกิดอะไรขึ้นกับ‘ดุสิตธานี’)

'สินี-สุนงค์' โต้กลับทุกประเด็น

ล่าสุด นางสินี และนางสุนงค์ ได้ออกเอกสารชี้แจงเป็น 2 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. การบริหารจัดการ "ชนัตถ์และลูก" และ "ดุสิตธานี" แยกขาดจากมรดก

ทั้งสองชี้แจงว่า บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ด้วยเจตนารมณ์ให้เป็นบริษัทของบุคคลในครอบครัวเท่านั้น โดยมีข้อบังคับที่ชัดเจนว่า "ห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นของบริษัทให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่จะโอนหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมหรือผู้สืบสันดานของผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น" และ "ห้ามมิให้จำหน่ายจ่ายโอนหุ้นของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เว้นแต่เป็นการจำหน่ายจ่ายโอนเพื่อการชำระบัญชีของบริษัทเท่านั้น"

ดังนั้น การที่นายชนินทธ์กล่าวอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการจะเปิดทางให้คนนอกเข้ามาครอบงำกิจการจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะบริษัท ชนัตถ์และลูกฯ ไม่สามารถขายหุ้นดุสิตธานีให้กับบุคคลภายนอกครอบครัวได้ ซึ่งนายชนินทธ์ก็ทราบดีอยู่แล้ว การออกมาแถลงเช่นนี้จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อดุสิตธานีและผู้ถือหุ้นโดยรวม

เหตุผลในการเรียกประชุมวิสามัญ: ดุสิตธานีขาดทุนหนัก ไร้เงินปันผล 5 ปี

บริษัท ชนัตถ์และลูกฯ ยืนยันว่าการยื่นขอประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของดุสิตธานีในครั้งนี้เกิดจากเจตนาดีต่อดุสิตธานีและผู้ถือหุ้น เนื่องจากดุสิตธานีไม่ได้จ่ายเงินปันผลมานานกว่า 5 ปี และมียอดขาดทุนสะสมกว่า 1,254 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารงาน โดยเสนอเพิ่มกรรมการ 10 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและทำให้กิจการกลับมามีกำไร

ดึง "เซ็นทรัลพัฒนา" ร่วมโต๊ะบริหาร เหตุเป็นพันธมิตรและผู้ถือหุ้นใหญ่

ประเด็นสำคัญคือการเชิญ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นกรรมการของดุสิตธานี เนื่องจาก CPN ถือหุ้นในดุสิตธานีถึงร้อยละ 17.09 และเป็นพันธมิตรหลักร่วมลงทุนในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท การเชิญ CPN จึงเป็นการปฏิบัติตามแนวทางการมีส่วนร่วมตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการดูแลเงินลงทุนของผู้ประกอบธุรกิจ

ทั้งนี้ CPN เสนอชื่อกรรมการเข้ามาเพียง 2 คน จากกรรมการใหม่ 10 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ CPN จะเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารหรือยึดกิจการดุสิตธานีตามที่เป็นข่าว โดยทั้งสองเชื่อมั่นว่า CPN เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง มีความเป็นมืออาชีพ และดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล

'สินี' พร้อมนำดุสิตธานีสู่ความรุ่งเรือง

นางสินี เธียรประสิทธิ์ ผู้ซึ่งได้ร่วมทำงานและซึมซับความรู้จากท่านผู้หญิงชนัตถ์มานานกว่า 30 ปี ยืนยันถึงความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ที่จะนำพาดุสิตธานีบริหารกิจการให้โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมด้วย ดร.กฤษดา กวีญาณ และนายศุภศักดิ์ จิรเสวีบุประพันธ์ ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการร่วม ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ CPN

ดังนั้น การที่นายชนินทธ์แถลงว่า "คุณสินีและน้องอีกคนเห็นต่าง และเป็นผู้เปิดประตูเชิญชวนคนนอกที่ไม่เคยบริหารดุสิตธานีมาก่อนเข้ามามีอำนาจควบคุม บมจ.ดุสิตธานี" จึงไม่เป็นความจริง และอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท

2. ปมมรดก "ท่านผู้หญิงชนัตถ์" เป็นเรื่องภายในครอบครัว

นางสินีและนางสุนงค์ชี้แจงว่าเรื่องการจัดการมรดกของท่านผู้หญิงชนัตถ์เป็นเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่ควรนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

ทั้งสองยืนยันว่า ข้อกล่าวอ้างของนายชนินทธ์ที่ว่าทายาททั้งสามคนตกลงแบ่งทรัพย์มรดกเรียบร้อยแล้ว โดยทุกฝ่ายตกลงให้นายชนินทธ์ได้หุ้นทั้งหมดในบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด นั้น "ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด" เพราะทายาทยังตกลงกันไม่ได้ และศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องของนายชนินทธ์ไปเมื่อปี 2567 โดยวินิจฉัยชัดเจนว่า "ข้อตกลงที่โจทก์อ้างตามฟ้องจึงยังไม่เกิดขึ้น"

การที่นายชนินทธ์กล่าวหาว่าทั้งสองเปลี่ยนใจไม่ยอมรับข้อตกลงนั้น จึงเป็นการกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและทำให้ได้รับความเสียหาย เพราะเป็นเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ตั้งแต่ปี 2565 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยนใจ

ยืนยันมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ดุสิตธานี

สุดท้ายนี้ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด, นางสินี เธียรประสิทธิ์ และนางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดในเรื่องของดุสิตธานีและการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ของดุสิตธานีและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ บริษัทฯ จะไม่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามายึดกิจการและควบคุมอำนาจบริหารของดุสิตธานีอย่างแน่นอน และพร้อมยอมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่าย เพื่อให้ดุสิตธานีดำรงอยู่อย่างมั่นคง มีความก้าวหน้า และเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง

สถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้จึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่าบทสรุปของศึกสายเลือดดุสิตธานีจะลงเอยอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีในอนาคตอย่างไรบ้าง