ชนินทธ์ เปิดใจยันสู้เพื่อรักษา 'มรดกครอบครัว' ไม่หวั่นจ่อถูกปลดจากบอร์ดบริหาร ชี้ 'คนนอก' จ้องฮุบกิจการ
คุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดแถลงข่าวด่วน ยืนยันจะต่อสู้เพื่อปกป้องมรดกและเจตนารมณ์ของมารดา (ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย) ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี หลังถูกน้องสาว 2 คน ผู้ควบคุมบริษัทผู้ถือหุ้นใหญ่ เสนอวาระถอดถอนตนเองออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ชี้เป็นการเปิดทางให้กลุ่มทุนนอกครอบครัวเข้ามา "ยึดครอง" กิจการโดยมิชอบ พร้อมพาดพิงถึงความพยายามของ "กลุ่มเซ็นทรัล" ที่เคยต้องการถือหุ้นใหญ่ในอดีต
คุณชนินทธ์ โทณวณิก ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและจุดยืนของตนเอง กรณีที่บริษัท ชนัตถ์และบุตร จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของดุสิตธานี และปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของน้องสาว 2 คน คือ นางสินี เทพฤทธิ์ และน้องสาวอีกหนึ่งคน ได้เสนอวาระเพื่อถอดถอนนายชนินท์ออกจากตำแหน่งกรรมการ ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้
คุณชนินทธ์ ยืนยันว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตำแหน่งส่วนตัว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาหลักการ ความถูกต้อง และอนาคตของดุสิตธานี ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยที่ครอบครัวสร้างมานานกว่า 76 ปี
จุดเริ่มต้นรอยร้าว ไม่ใช่ผลประกอบการ แต่คือการเปลี่ยนแปลงอำนาจหลังสิ้นมารดา
คุณชนินทธ์ กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดไม่ได้เกิดจากผลประกอบการขาดทุนของบริษัท แต่เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์ มารดาของตนได้ถึงแก่อนิจกรรม โดยน้องสาวทั้งสองคนได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการในบริษัท ชนัตถ์และบุตร จำกัด (บริษัทโฮลดิ้งของครอบครัว) จากเดิมที่ตนเองเป็นผู้ลงนามหลักร่วมกับกรรมการอีกหนึ่งท่าน กลายเป็นกรรมการ 2 ใน 3 คนลงนามร่วมกันได้ ซึ่งเป็นการลดทอนอำนาจของตนเอง และต่อมาได้ปลดตนเองออกจากกรรมการในบริษัทโฮลดิ้งทั้งหมด
"การกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ผมจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง" คุณชนินทธ์ กล่าว
แฉแผนยึดครองดุสิตธานีผ่านการเปลี่ยนบอร์ด พาดพิง "กลุ่มเซ็นทรัล"
คุณชนินทธ์ ได้เปิดเผยถึงความพยายามในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะกรรมการของดุสิตธานีอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบุว่ามีการเสนอชื่อกรรมการใหม่เข้ามาถึง 10 คน ทำให้บอร์ดบริหารขยายจาก 12 คน เป็น 18 คน และที่น่ากังวลคือ "กรรมการบางท่านมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับกลุ่มเซ็นทรัล"
เขากล่าวว่า ในอดีตกลุ่มเซ็นทรัลเคยพยายามเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในดุสิตธานี และเคยถือหุ้นสูงถึง 22.5% โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งที่เป็นพันธมิตรในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งตนต้องไปเจรจาขอให้ขายหุ้นออกครึ่งหนึ่ง และขอไม่ให้ส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการ เนื่องจากธุรกิจทับซ้อนกันและอาจเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ได้
การเปลี่ยนแปลงบอร์ดครั้งนี้ จึงเปรียบเสมือนการ "เปิดประตู" ให้คนนอกครอบครัวที่ไม่ได้เข้าใจในจิตวิญญาณของดุสิตธานี เข้ามามีอำนาจควบคุมทิศทางของบริษัท และอาจนำไปสู่การยึดครองกิจการในที่สุด
ชี้แจงประเด็นขาดทุน คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยิ่งใหญ่
คุณชนินทธ์ ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องการบริหารงานจนบริษัทขาดทุนว่า การขาดทุนที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ประกอบกับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งบริษัทไม่เคยเพิ่มทุนเพื่อผลักภาระให้ผู้ถือหุ้น แต่พยายามประคับประคองกิจการมาโดยตลอด
"วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าเราทำได้ โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ โครงการที่พักอาศัย Dusit Residences ขายไปแล้วกว่า 92% และเตรียมรับรู้รายได้มหาศาลในปีหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรมากที่สุดในประวัติการณ์"
ยืนยันจะสู้ไม่ถอย เพื่อปกป้องมรดกและผู้ถือหุ้นรายย่อย
คุณชนินทธ์ กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ตนจะไม่ไปไหน และจะยังคงอยู่กับดุสิตธานีตลอดไป แม้จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง ก็จะพยายามกลับเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารอีกครั้ง และจะใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องดุสิตธานีไม่ให้ถูกยึดครองโดยมิชอบ
"สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ส่วนตัว แต่คือการปกป้องดุสิตธานีที่กำลังจะมีอนาคตที่สดใส จากการถูกยึดครองโดยไม่เป็นธรรม ผมจะคอยทำหน้าที่จับตาเฝ้าดู และหากใครเข้ามาทำให้ดุสิตธานีเสียหาย ผมจะใช้สิทธิ์ทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด" คุณชนินทธ์ กล่าวทิ้งท้าย