ทรัมป์ปฏิวัติการลงทุน มุ่งเป้าอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ

กองทุนความมั่งคั่งสหรัฐ สหรัฐฯ ปฏิวัติการลงทุน ตั้ง “กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ” ฉบับทรัมป์ เน้นเลือกอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดตั้ง “กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสหรัฐฯ” (U.S. Sovereign Wealth Fund – SWF) ซึ่งแตกต่างจากกองทุนความมั่งคั่งของประเทศอื่น ๆ เช่น นอร์เวย์ หรือสิงคโปร์ เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสะสมเงินส่วนเกินหรือสร้างผลตอบแทนทางการเงินสูงสุด หากแต่เป็น “นโยบายอุตสาหกรรม” (industrial policy) ที่เน้นการเลือกลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ


ลักษณะเฉพาะของกองทุนนี้คือ ไม่ใช่กองทุนที่จัดตั้งตามกฎหมายโดยตรง แต่ขับเคลื่อนด้วยแนวทางเชิงกลยุทธ์ ใช้อำนาจฝ่ายบริหารเข้าลงทุนเป็นรายกรณี (ad-hoc, transaction-driven) โดยเป้าหมายหลักคือ “ลดความเสี่ยง” (de-risking) ของโครงการสำคัญ และดึงดูดเม็ดเงินจากภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วม (crowding-in capital).


กรณีการเข้าซื้อหุ้น Intel มูลค่า 8.9 พันล้านดอลลาร์ (สัดส่วนราว 9.9%) ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยใช้เงินทุนที่เหลือจาก CHIPS and Science Act และโครงการ Secure Enclave เพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ และสร้างเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ


หลังจาก Intel แล้ว มีการคาดการณ์ว่ากองทุนใหม่นี้อาจขยายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อื่น เช่น

AI และชิปประมวลผลยุคใหม่

การผลิตแร่หายาก (Rare Earths) ที่สำคัญต่อการผลิตชิปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการลงทุนใน MP Materials

คอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computing)


การจัดตั้งกองทุนลักษณะนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสหรัฐฯ ที่หันมาใช้ นโยบายอุตสาหกรรมเชิงรุก (Proactive Industrial Policy) ในการ “เลือกผู้ชนะ” (pick winners) ในสาขาที่ถือว่าสำคัญต่อความมั่นคง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการถกเถียงว่ารัฐบาลกำลังแทรกแซงตลาดหรือไม่


อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลเข้ามารับความเสี่ยงในระยะแรก อาจช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเอกชน เกิดการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership) มากขึ้น และกำหนดทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจอเมริกันในอนาคตที่มุ่งเน้น ความสามารถในการแข่งขัน และการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี