ภาพรวมระบบธนาคารไทยไตรมาส 2 ปี 2568 ยังคงแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ แต่สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ โดยธนาคารมีกำไรดีขึ้น แต่การปล่อยสินเชื่อให้คนทั่วไปและธุรกิจเล็กยังคงชะลอตัว ขณะที่หนี้เสียจากภาคธุรกิจขยับขึ้นเล็กน้อย และยังต้องจับตากลุ่มลูกหนี้รายได้น้อย-หนี้สูงอย่างใกล้ชิด
สรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจแบบเข้าใจง่าย ดังนี้
1. ธนาคารยังแข็งแรงดี
สถานะของธนาคารพาณิชย์โดยรวมยัง "มั่นคง" มีเงินทุนและเงินสำรองอยู่ในระดับสูง และสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเพราะกันเงินสำรองเผื่อหนี้เสียน้อยลง
2. คนทั่วไป-ธุรกิจเล็ก "กู้ยากขึ้น"
การปล่อยสินเชื่อโดยรวมหดตัวลงเล็กน้อย โดยเฉพาะสินเชื่อสำหรับธุรกิจ SMEs และสินเชื่อส่วนบุคคล (เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ) ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่าธนาคารมีความระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น เนื่องจากมองว่าความเสี่ยงยังสูง มีเพียงธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้นที่ยังกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น
3. หนี้เสียขยับเล็กน้อย แต่มีสัญญาณดีซ่อนอยู่
หนี้เสีย (NPL) โดยรวมปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมาจากฝั่งธุรกิจเป็นหลัก แต่มีข่าวดีคือ หนี้เสียของคนทั่วไปกลับลดลง ในทุกประเภทสินเชื่อ นอกจากนี้ "หนี้ที่เริ่มมีปัญหา" (Stage 2) ก็ลดลงด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าการช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารยังได้ผล
4. ประเด็นที่น่าเป็นห่วงที่สุด: "กลุ่มเปราะบาง"
สิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดคือความสามารถในการจ่ายหนี้ของ "กลุ่มเปราะบาง" ซึ่งหมายถึงครัวเรือนและธุรกิจที่มีรายได้ฟื้นตัวช้าแต่มีภาระหนี้สูง กลุ่มนี้ยังคงมีความเสี่ยงสูงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่การท่องเที่ยวและภาคบริการยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
โดยสรุปคือ แม้ระบบธนาคารจะยังแข็งแกร่ง แต่ความเปราะบางยังคงอยู่ที่เศรษฐกิจและกระเป๋าเงินของประชาชน ซึ่งยังคงต้องการการฟื้นตัวที่ทั่วถึงมากกว่านี้