Apple หันฐานผลิต iPhone 17 สู่ 'อินเดีย' ทั้งหมดเป็นครั้งแรก หวังเลี่ยงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ-ลดการพึ่งพาจีน
Apple Inc. (AAPL) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก กำลังเดินหน้ากระจายฐานการผลิตครั้งใหญ่ โดยล่าสุดบริษัทได้บรรลุเป้าหมายสำคัญในการผลิต iPhone 17 รุ่นใหม่ทั้งหมดในอินเดีย ซึ่งรวมถึงรุ่น Pro ที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยเช่นกัน นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ iPhone ทุกรุ่นจะถูกผลิตในอินเดีย
การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้มีขึ้นเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของอัตราภาษีศุลกากรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา
ปัจจัยเบื้องหลังการย้ายฐานผลิต
การตัดสินใจย้ายฐานผลิตหลักสำหรับ iPhone ที่จะจำหน่ายในสหรัฐฯ มายังอินเดีย มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย:
* ภาษีศุลกากร: อัตราภาษีที่ผันผวนเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อ Apple โดยเฉพาะการหยุดชั่วคราวของภาษีศุลกากร 50% สำหรับสินค้าจากจีน ซึ่งอาจกลับมามีผลบังคับใช้ได้ในอนาคต การผลิตในอินเดียจึงช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้
* ลดการพึ่งพาจีน: Apple มุ่งมั่นที่จะลดการพึ่งพาจีนในฐานะฐานการผลิตหลัก ซึ่งเคยคิดเป็น 99% ของการผลิต iPhone ทั่วโลกในปี 2021 แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 81% ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงเหลือ 50% ภายในปี 2027
* การลงทุนในอินเดีย: Apple ได้ส่งออก iPhone จากอินเดียมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์แล้วในปีนี้ (ตั้งแต่เดือนเมษายน) โดยมีกลุ่มบริษัท Tata Group ของอินเดียเป็นเจ้าของโรงงานหลายแห่ง ซึ่งช่วยส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ
อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
Apple ยังมีแผนที่จะผลิต iPhone 17e รุ่นใหม่ที่อินเดียสำหรับปี 2026 และคาดว่าประเทศนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลิต iPhone 18 ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ยังได้ประกาศว่าจะลงทุน 600 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายการดำเนินงานในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อรักษาข้อยกเว้นทางภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากอินเดีย
การเปลี่ยนแปลงฐานการผลิตครั้งนี้จะช่วยให้ Apple สามารถเพิ่มรายได้และป้องกันสถานการณ์เลวร้ายที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างกังวลได้ แม้ว่าบริษัทจะยังคงเผชิญกับต้นทุนภาษีในอนาคตก็ตาม
ณ การซื้อขายล่าสุด หุ้น Apple (AAPL) ปรับตัวลง 0.3% ปิดที่ 230.32 ดอลลาร์ โดยลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับปี 2025