PTTGC เปิดเกมรุกอุตสาหกรรมสีเขียว เดินหน้าโครงการโรงกลั่นชีวภาพครบวงจร พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ SAF และพลาสติกชีวภาพ รับเทรนด์พลังงานสะอาดทั่วโลก
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “โรงกลั่นชีวภาพครบวงจร (Biorefinery)” ซึ่งเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของไทย
หัวใจสำคัญของโครงการนี้ คือการผลิต Sustainable Aviation Fuel (SAF) จาก น้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil) ผสมกับน้ำมันดิบ ผ่านกระบวนการ Co-processing ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถลดการปล่อยคาร์บอนถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบินทั่วไป โดยได้รับการรับรองจาก ISCC CORSIA และ ISCC PLUS
กำลังการผลิต SAF เริ่มต้นอยู่ที่ 6 ล้านลิตร/ปี ขณะที่สามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เป็น Bio-polymers หรือ Bio-chemicals ได้สูงสุด 20,000 ตัน/ปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดสีเขียว อาทิ Bio-Propylene, Bio-BD และ Bio-PTA ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ยาง และเส้นใยโพลีเอสเตอร์
ขับเคลื่อน Circular Economy ด้วยโครงการ “Community Waste Hub”
PTTGC ยังเดินหน้าขยายจุดรวบรวม UCO จากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านโครงการ Community Waste Hub โดยเริ่มต้นที่ระยอง และเตรียมขยายอีก 10 แห่งทั่วประเทศ เสริมรายได้ให้ชุมชนและลดขยะอินทรีย์อย่างเป็นรูปธรรม
วางแผนลงทุนเฟส 2 รองรับดีมานด์พลังงานสะอาดทั่วโลก
แม้ SAF ยังเป็นพลังงานทางเลือก แต่ PTTGC มองเห็นแนวโน้มการเติบโตตามกฎหมายและแรงจูงใจจากต่างประเทศ จึงเตรียมลงทุนเพิ่มในเฟส 2 เพื่อขยายกำลังการผลิต SAF สู่ 24 ล้านลิตร/ปี และ Bio-chemicals สู่ 80,000 ตัน/ปี พร้อมศึกษาการนำเข้า UCO จากต่างประเทศเพื่อเสริมวัตถุดิบ
PTTGC กับบทบาทผู้นำ Green Transformation
โครงการ Biorefinery นี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ PTTGC ในการยกระดับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยให้เข้าสู่ยุคใหม่ของความยั่งยืน โดยไม่เพียงลดรอยเท้าคาร์บอน แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งในประเทศและระดับโลก ตามเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 อย่างแท้จริง