JPMorgan เพิ่มน้ำหนักลงทุน “DELTA” มองผู้นำเทคโนโลยีไทยคือดาวเด่นแห่ง AI – Data Center
วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 – JPMorgan ประกาศเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้น DELTA หรือ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยให้เหตุผลหลักจากศักยภาพการเติบโตสูง และการเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับภูมิภาค
นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ชี้ว่า DELTA มีแนวโน้มกำไรเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 23% ต่อปี จากการขยายตัวของความต้องการด้าน AI และ Data Center ซึ่งบริษัทมีบทบาทชัดเจนในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์จ่ายไฟ (Power Supply), ระบบระบายความร้อน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก
จุดเด่นที่ทำให้ JPMorgan เพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน DELTA ได้แก่:
• ตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรม: เป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
• Rarity Value: เป็นผู้เล่นไทยรายเดียวที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ AI Infrastructure และศูนย์ข้อมูล
• ธีมเมกะเทรนด์: นักลงทุนมอง DELTA เป็นตัวแทนของเมกะเทรนด์ “AI & Digital Transformation”
• ความมั่นคงด้านสภาพคล่อง: หุ้น DELTA อยู่ในดัชนีสำคัญ เช่น SET50 และ SET100 ทำให้มีแรงหนุนจากนักลงทุนสถาบัน
• เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก: ส่งออกและผลิตให้กับบริษัทชั้นนำด้าน Cloud และ Tech ทั่วโลก
JPMorgan ย้ำว่า การเลือก DELTA ไม่ควรสับสนกับหุ้น Delta Air Lines (DAL) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นธุรกิจคนละประเภทโดยสิ้นเชิง นักลงทุนไทยและต่างชาติควรจับตา DELTA ในฐานะ “หุ้นไทยแห่งอนาคต” ที่กำลังถูกจับตาในเวทีโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ AI กลายเป็นหัวใจของการลงทุนยุคใหม่
JPMorgan ตั้งราคาเป้าหมาย (price target) สำหรับหุ้น DELTA (Delta Electronics Thailand) ไว้ที่ 154 บาท ภายในเดือนธันวาคม 2026 โดยอิงจากการวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะสร้างการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) ราว 23% ระหว่างปี 2025–2027 และจะได้รับประโยชน์จากการเข้าสู่ตลาด AI และศูนย์ข้อมูลอย่างแข็งแกร่ง