แบงก์ชาติ ห่วง SME รับผลกระทบสงครามการค้า 3 เด้ง ชี้ทางรอดต้องเพิ่มขีดแข่งขัน-แก้ปมสินเชื่อ

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้สถานการณ์การค้าโลกส่งผลกระทบต่อไทยหลายมิติ โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่มีความเปราะบางสูง อาจได้รับผลกระทบถึง 3 ระลอก ทั้งจากการส่งออกโดยตรง, การเปิดตลาด และปัญหาสินค้าทะลัก เสนอแนวทางรับมือ 3 ขั้นตอน “บรรเทา-เยียวยา-ปรับตัว” ย้ำทางรอดระยะยาวคือการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่วนปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อต้องแก้ที่ “ความเสี่ยง” ผ่านกลไกค้ำประกัน


มองผลกระทบจากสถานการณ์การเจรจาการค้าโลกว่า ขณะนี้เริ่มเห็นข่าวการเจรจาของประเทศอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องเร่งเจรจาเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว


"ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะต้องปรับตัว ไม่ใช่แค่เน้นเรื่องตัวเลขส่งออกหรือการลงทุน แต่ต้องคิดถึงว่ามูลค่าเพิ่มของเราเป็นอย่างไร" ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว


แนะแนวทางรับมือ 3 ขั้นตอน เน้นปรับตัวระยะยาว

ผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอแนวทางการรับมือผลกระทบเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

บรรเทาผลกระทบ (Mitigation): เป็นมาตรการเร่งด่วนอันดับแรกเพื่อลดความเสียหาย

เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ (Relief): หาวิธีช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน

การปรับตัวเพื่ออนาคต (Adaptation): ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและไม่อยากให้ละเลย เพราะที่ผ่านมามักจะเน้นแต่มาตรการระยะสั้น จนลืมการปรับโครงสร้างเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว


ห่วง SME ไทยเจอผลกระทบ 3 เด้ง

ดร.เศรษฐพุฒิ แสดงความกังวลว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมาจากหลายช่องทาง โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)

เด้งที่ 1: ผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาโดยตรง

เด้งที่ 2: ผู้ประกอบการในประเทศที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกลง หากไทยต้องเปิดตลาดและลดภาษีนำเข้า

เด้งที่ 3 (น่ากังวลที่สุด): ปัญหาสินค้าจากประเทศอื่นที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้ จะทะลักเข้ามายังตลาดประเทศไทยแทน โดยกลุ่มธุรกิจที่น่าเป็นห่วงเป็นพิเศษคือกลุ่มที่มี SME จำนวนมากและมีความเปราะบางสูง เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า


"เซกเตอร์พวกนี้จะมีความเปราะบางสูง เทียบกับเซกเตอร์ที่ส่งออกไปอเมริกาโดยตรงซึ่งมักจะเป็นบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทขนาดใหญ่"


ชี้ปมสินเชื่อเกิดจาก "ความเสี่ยง" ไม่ใช่ "เกณฑ์แบงก์ชาติ"

ต่อประเด็นที่ SME เข้าถึงสินเชื่อได้ยากนั้น ดร.เศรษฐพุฒิ ชี้แจงว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากเกณฑ์ของ ธปท. แต่มีต้นตอมาจาก "การประเมินความเสี่ยง" ของสถาบันการเงินพาณิชย์ ที่มองว่าธุรกิจมีความเสี่ยงสูงจึงไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ


แนวทางการแก้ไขคือการแก้ปัญหาที่ต้นตอของความเสี่ยง โดยใช้ "กลไกการค้ำประกันสินเชื่อ" ผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และกลไกอื่นๆ เพื่อช่วยลดภาระความเสี่ยงของธนาคาร และอาจต้องมีการทบทวนสัดส่วนการค้ำประกันเพื่อให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น


ทางรอดที่แท้จริงคือ "การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน"

ท้ายที่สุดย้ำว่า การให้สินเชื่อไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ทางรอดที่แท้จริงของผู้ประกอบการคือ การปรับตัวเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ของตนเอง

"ถ้าธุรกิจแข่งขันไม่ได้ การให้สินเชื่อก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าธุรกิจมีการปรับตัวจริง แข่งขันได้จริง สถาบันการเงินก็พร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อ เพราะพวกเขาก็ต้องการทำกำไรเช่นกัน"


ทั้งนี้ ธปท. ได้มีการหารือร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระทรวงการคลัง, สภาพัฒน์ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป