สินทรัพย์ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบปี

ทองคำ - บิทคอยน์ - แพลทินัม ทะยานนำ! ส่อง 3 สินทรัพย์ผลตอบแทนสูงสุดรอบ 1 ปี ขณะหุ้นไทยยังร่วงหนัก

ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกสะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างไม่เท่ากันระหว่างสินทรัพย์และภูมิภาค โดยมีทั้งกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง และกลุ่มที่ยังถูกกดดันจากปัจจัยภายในประเทศและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลล่าสุดพบว่า 3 สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบปี ได้แก่:

 Top 3 สินทรัพย์ผลตอบแทนสูงสุด

 1. Bitcoin Futures:

พุ่งแรง +66.97% สะท้อนกระแสความสนใจต่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่กลับมาอีกครั้งในฐานะทางเลือกใหม่ของนักลงทุนในช่วงตลาดทุนผันผวนและความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงิน

 2. Platinum Spot:

พุ่งขึ้น +45.23% ทะลุกรอบแนวต้านเดิม โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ (โดยเฉพาะ EV) และการเข้าซื้อเก็งกำไรจากนักลงทุนรายใหญ่

 3. ทองคำCOMEX Gold:

บวก +37.26% ยืนหนึ่งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก พร้อมกับแนวโน้มการถือครองทองคำโดยธนาคารกลางหลายประเทศ

โลหะมีค่าและคริปโต ยังโดดเด่น

นอกจาก 3 อันดับแรกแล้ว Silver Spot (+37.14%) และ Palladium Spot (+16.62%) ก็ทำผลงานน่าจับตา โดยเฉพาะเงิน (Silver) ซึ่งได้แรงหนุนจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและความต้องการในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวดี โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป

ตลาดหุ้นในกลุ่มพัฒนาแล้วฟื้นตัวอย่างชัดเจน นำโดย:ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีของตลาดที่สถิติสูงสุด 

 Nasdaq 100: +14.92% นำโดยหุ้นเทคโนโลยีและ AI

  S&P 500: +12.06%

 Dow Jones: +9.62%

ตลาดหุ้นเยอรมัน Xetra DAX +32.41%

 ตลาดหุ้นสิงคโปร์  FTSE STI : +17.18%

ตลาดหุ้นเวียดนาม Vietnam 30: +18.78% หนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับความสนใจสูง

การฟื้นตัวนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง และการปรับกลยุทธ์ของภาคธุรกิจในยุโรปหลังผ่านพ้นวิกฤตพลังงานในปีก่อน

ตลาดที่อ่อนแอที่สุด คือตลาดหุ้นไทยยังถูกเทขายSET Index ร่วง -16.53% เป็นหนึ่งในตลาดที่อ่อนแอที่สุดในเอเชีย

แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังคงต่อเนื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ บั่นทอนความเชื่อมั่นระยะยาว

สถานการณ์ตลาดโลกในรอบปีนี้ชี้ให้เห็นว่าสินทรัพย์ปลอดภัยและคริปโต กำลังกลับมามีบทบาทเด่นในพอร์ตการลงทุนขณะที่ ตลาดหุ้นไทยและบางตลาดเอเชีย ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะภายในประเทศและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน