InnovestX เตือนเศรษฐกิจไทยเปราะบาง เสี่ยงสงครามการค้าฉุด GDP แนะกลยุทธ์ "เลือกของดี" ฝ่าวิกฤต

InnovestX เตือนเศรษฐกิจไทย Q3/68 เปราะบาง เสี่ยงสงครามการค้าฉุด GDP แนะกลยุทธ์ "เลือกของดี" ฝ่าวิกฤต หรือ "สินทรัพย์คุณภาพ"


กรุงเทพฯ, 9 กรกฎาคม 2568 – InnovestX ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2568 ยังคงเปราะบางจากปัจจัยรุมเร้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่อาจฉุด GDP ไทยในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดให้หดตัวถึง -1.1% แนะนักลงทุนใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงและเน้นลงทุนใน "สินทรัพย์คุณภาพ" เพื่อรับมือความผันผวน

นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 มีความเสี่ยงขาลงจำกัด แต่โอกาสปรับขึ้น (Upside) ก็ไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนระดับสูง, การบริโภคและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว, ความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะ "Mild Stagflation" ทำให้คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในปีนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

ความเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐฯ-ไทย กดดัน GDP

ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ กล่าวเสริมว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดคือผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่สหรัฐฯ อาจนำมาใช้กับไทย โดย InnovestX ประเมิน 3 สถานการณ์ คือ:

  • กรณีเจรจาสำเร็จ (โอกาส 30%): หากไทยลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น อาจทำให้ภาษีอยู่ที่ 15-20% และ GDP ปี 2568 จะโต 1.1-1.4%

  • กรณีเจรจาบางส่วน (โอกาส 50%): หากภาษีอยู่ที่ 21-28% จะทำให้ GDP โตเพียง 0.0-1.0%

  • กรณีเลวร้ายที่สุด (โอกาส 20%): หากภาษีสูงถึง 29-36% อาจฉุดให้ GDP ไทยหดตัวที่ (-0.1%) ถึง (-1.1%)

กลยุทธ์ลงทุน: ชูหุ้นเด่น-กระจายพอร์ตทั่วโลก

นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน ยังคงเป้าหมายดัชนี SET Index ปี 2568 ไว้ที่ 1,250 จุด โดยมองว่าระดับ ต่ำกว่า 1,100 จุด เป็นจังหวะน่าสนใจในการเข้าซื้อ พร้อมแนะกลยุทธ์เลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยคัด 5 หุ้นเด่น ได้แก่ BCH, CPF, DIF, MTC และ SCC

สำหรับตลาดต่างประเทศ แนะกระจายการลงทุนในกลุ่มที่เติบโตมั่นคง เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค, สื่อสาร และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากงบประมาณการทหาร โดยลดน้ำหนักกลุ่มเทคโนโลยีที่เริ่มชะลอตัว ขณะที่ตลาดเอเชียอย่างจีนและเวียดนามยังน่าสนใจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและ Valuation ที่ไม่แพง

จัดพอร์ตสมดุล: ทองคำ-ตราสารหนี้-กองทุน ยังน่าสนใจ

ดร. รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่าย Investment Strategy สรุปกลยุทธ์การลงทุนว่า หัวใจสำคัญคือ "การจัดพอร์ตอย่างสมดุล" เพื่อรับมือความไม่แน่นอน โดยแนะสินทรัพย์ทางเลือกดังนี้:

  • ทองคำ: ยังน่าสนใจจากแรงซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก

  • ตราสารหนี้: แนะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (ไม่เกิน 2 ปี) เพื่อความยืดหยุ่น

  • กองทุนแนะนำ:

    • UOBSG-H: ลงทุนในทองคำ

    • DAOL-CHINATECH: ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีน

    • PRINCIPLE VNEQ-A: ลงทุนในหุ้นเวียดนาม

    • LHHEALTH-A: ลงทุนในกลุ่มการแพทย์ทั่วโลก

    • DR HSHD23: ลงทุนในหุ้นปันผลสูงของจีน 50 ตัว

โดยสรุป InnovestX มองว่าแม้ตลาดจะเผชิญความท้าทาย แต่การวางกลยุทธ์ที่รอบคอบโดยเน้นสินทรัพย์คุณภาพและการกระจายความเสี่ยง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว