ก.ล.ต. เผยความสำเร็จ Thai ESGX ดึงเม็ดเงินลงทุนทะลุ 3.2 หมื่นล้านบาทใน 2 เดือน ตอกย้ำเทรนด์ลงทุนยั่งยืน
กรุงเทพฯ, 7 กรกฎาคม 2568 – สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยผลสำเร็จของมาตรการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) หลังสิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถระดมเม็ดเงินลงทุนรวมสูงถึง 32,168 ล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการลงทุนที่ยั่งยืนและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
มาตรการ Thai ESGX ซึ่งออกมาเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีและส่งเสริมการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ณ วันสิ้นสุดมาตรการรวม 32,168 ล้านบาท แบ่งเป็น:
เงินลงทุนจากการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF: ประมาณ 25,091 ล้านบาท เงินลงทุนใหม่: ประมาณ 7,077 ล้านบาท
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า "ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนไทยที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นผลจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ AIMC และทุก บลจ. นอกจากนี้ ระบบตรวจสอบการถือครองหน่วยลงทุน LTF ที่ถูกพัฒนาขึ้น ยังมีศักยภาพที่จะนำไปต่อยอดเพื่อยกระดับการให้บริการแก่นักลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย"
ก.ล.ต. เน้นย้ำว่า เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างครบถ้วน ผู้ลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุน Thai ESGX ที่ซื้อหรือสับเปลี่ยนในช่วงเวลาของมาตรการ เป็นระยะเวลาครบ 5 ปีเต็ม นับจากวันที่ลงทุน
สำหรับเงินลงทุนใหม่: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี สำหรับผู้สับเปลี่ยนจาก LTF: สำหรับผู้ที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดมายัง Thai ESGX จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ซึ่งจะแบ่งการใช้สิทธิตั้งแต่ปีภาษี 2568 - 2572 ตัวอย่าง: หากสับเปลี่ยน LTF มูลค่า 380,000 บาท จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2568 ได้ 300,000 บาท และอีก 80,000 บาทที่เหลือจะถูกแบ่งไปลดหย่อนในปี 2569-2572 ปีละ 20,000 บาท