ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนักอีกครั้งในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะยังคงดำเนินต่อไป
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ทะยานขึ้น 507.24 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 43,089.02 จุด ด้านดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.11% ปิดที่ 6,092.18 จุด ซึ่งทำให้ดัชนีดังกล่าวอยู่ห่างจากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์เพียง 0.9% ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ปรับตัวขึ้น 1.43% ปิดที่ 19,912.53 จุด และดัชนี Nasdaq 100 บวกขึ้น 1.53% ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22,190.52 จุด
ในทางตรงกันข้าม ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) ปิดตลาดร่วงลง 6% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากล ดิ่งลง 6.1% หลังจากที่เมื่อวันก่อนหน้าน้ำมันดิบสหรัฐฯ ได้ร่วงลงไปแล้วกว่า 7% การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นยิ่งได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดใหม่ของวัน
การร่วงลงของราคาน้ำมันส่งผลให้หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง บรอดคอม (Broadcom) และอินวิเดีย (Nvidia) ปรับตัวขึ้นเกือบ 4% และ 2.6% ตามลำดับ สะท้อนถึงความต้องการเสี่ยงของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ความเคลื่อนไหวในตลาดเกิดขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามประคับประคองข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่าละเมิดข้อตกลง โดยอิสราเอลระบุว่าระบบเรดาร์ใกล้กรุงเตหะรานของอิหร่านถูกโจมตี และกล่าวหาว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล ซึ่งอิหร่านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทรัมป์กล่าวผ่าน Truth Social ว่า "อิสราเอลจะไม่โจมตีอิหร่าน" และเสริมว่าข้อตกลงหยุดยิงยังคงมีผลบังคับใช้ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีได้แสดงความไม่พอใจต่อทั้งสองฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลง