บล.เอเซีย พลัส ตลาดหุ้นไทยปะทะสงครามตะวันออกกลาง

บล.เอเซีย พลัส ตลาดหุ้นไทยปะทะสงครามตะวันออกกลาง 

"ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ร้อนแรง กดดันตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก! SET Index ดิ่งเหวรับมือความขัดแย้งทั่วโลก"

สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อตลาด


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด: ASPS เปิดเผยข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างเหตุการณ์ความขัดแย้งสำคัญกับการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

กราฟ SET Index ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2022 แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาวิกฤตที่ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์ภายนอกประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้:

 * 24 ก.พ. 2022: สงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุ

   * เหตุการณ์นี้ได้จุดชนวนความกังวลครั้งใหญ่ในตลาดโลก ส่งผลให้ SET Index ดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง 33.73 จุด ในวันเดียว สะท้อนถึงความตื่นตระหนกของนักลงทุนต่อผลกระทบด้านพลังงานและเศรษฐกิจมหภาค

 * 14 ต.ค. 2023: อิสราเอลเริ่มต้นบุกภาคพื้นดิน

   * ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวลดลงถึง 23.64 จุด ในวันดังกล่าว นักลงทุนกังวลต่อผลกระทบต่อราคาน้ำมันและความมั่นคงในภูมิภาค

 * 15 ม.ค. 2024: ความไม่สงบในทะเลแดง

   * เหตุการณ์ที่กระทบต่อเส้นทางการค้าสำคัญของโลก ทำให้ SET Index เผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง โดยลดลง 6.51 จุด ในวันนั้น สะท้อนความกังวลต่อปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการค้าโลก

 * 2 เม.ย. 2024: อิหร่านยิงปืนใหญ่ใส่นักรบอิสราเอล

   * การตอบโต้ระหว่างอิหร่านและอิสราเอลทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ SET Index ดิ่งลง 13.26 จุด

 * 13 เม.ย. 2024: อิหร่านตอบโต้อิสราเอลและกังวลอิสราเอลตอบโต้กลับ

   * สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้น ทำให้ SET Index เผชิญกับการลดลงหนักที่สุดในรอบไม่นาน โดยดิ่งลงถึง 29.44 จุด บ่งบอกถึงระดับความกังวลที่พุ่งสูงของตลาดต่อความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามใหญ่ในภูมิภาค

จากเหตุการณ์เหล่านี้จะเห็นได้ว่า ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามขนาดใหญ่ ความขัดแย้งในภูมิภาค หรือการโจมตีที่กระทบต่อเสถียรภาพโลก ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SET Index เคลื่อนไหวในทิศทางขาลงเป็นส่วนใหญ่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลต่อทิศทางการลงทุนในอนาคตได้อีก.