ก.ล.ต. จ่อคุมเข้มมาร์จิ้นหุ้น IPO - เดินหน้าสกัด HFT ปั่นหุ้น ฟื้นเชื่อมั่นตลาด

ก.ล.ต. จ่อคุมเข้ม "มาร์จิ้นหุ้น IPO" สัปดาห์แรกห้ามปล่อยกู้ เดินหน้าสกัด HFT ปั่นหุ้น ฟื้นเชื่อมั่นตลาด

นายสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายธุรกิจตัวกลางและตลาด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยมาตรการกำกับดูแลโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อหยุดพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทุนไทย โดยประเด็นที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษคือการเตรียมคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อมาร์จิ้นสำหรับหุ้น IPO และการกำกับการซื้อขายความถี่สูง (High-Frequency Trading: HFT) 

จากการบรรยายสรุปแนวทางการกำกับดูแลตลาดทุน ก.ล.ต. ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการที่กำลังอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็น (Hearing) เพื่อควบคุมความร้อนแรงของหุ้นที่เข้าซื้อขายใหม่ (IPO) โดยเสนอแนวทางดังนี้

    - ช่วง 7 วันแรกของการซื้อขาย: จะกำหนดให้การปล่อยสินเชื่อมาร์จิ้นสำหรับหุ้น IPO ต้องวางหลักประกันเต็มจำนวน 100% (Initial Margin) ซึ่งในทางปฏิบัติหมายถึง การไม่สามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อขายได้ในช่วงสัปดาห์แรก

    - ช่วง 60 วันถัดไปจะผ่อนปรนเกณฑ์ลงมา โดยกำหนดให้วางหลักประกันที่ 60%

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ชี้แจงว่าแนวทางดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง โดยเตรียมจะเปิดรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด ก่อนประกาศเป็นเกณฑ์บังคับใช้ต่อไป ซึ่งคาดว่าเกณฑ์ใหม่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

นอกเหนือจากประเด็นหุ้น IPO ก.ล.ต. ยังมีการยกเครื่องการกำกับดูแล "Margin loan" หลังตรวจพบปัญหาหลายประการ เช่น:

    - การกระจุกตัวของพอร์ตสินเชื่อและหลักประกันในหุ้นหรือลูกค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไป

    - การนำเงินมาร์จิ้นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปใช้จ่ายส่วนตัวแทนที่จะลงทุนในหลักทรัพย์

    - การรับหลักประกันที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หน่วยลงทุนของกองทุนที่มีการไถ่ถอนรายวัน (Daily Redemption Fund) ซึ่งอาจมีปัญหาสภาพคล่อง 

อีกทั้งยังคงเดินหน้าควบคุมการซื้อขายด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (HFT) เพื่อป้องกันพฤติกรรมการบิดเบือนราคา เช่น Spoofing (การสร้างคำสั่งซื้อขายปลอม) และ Layering (การวางคำสั่งซ้อนกันหลายชั้น) ผ่านมาตรการที่ได้เริ่มใช้ไปแล้ว อาทิ การกำหนดให้ผู้ใช้งาน HFT ต้องลงทะเบียน, การกำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย (Minimum Order Resting Time) และการเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถนำเซิร์ฟเวอร์มาติดตั้งในพื้นที่เดียวกับตลาดหลักทรัพย์ (Co-location) ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล จึงได้ออกมาตรการกำกับดูแล HFT ที่เข้มงวดขึ้น ประกอบด้วย:

    - การลงทะเบียนผู้ใช้งาน HFT: กำหนดให้ผู้ที่ใช้กลยุทธ์ HFT ต้องลงทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบได้อย่างใกล้ชิด

    - กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่ง (Minimum Order Resting Time): กำหนดให้คำสั่งซื้อขายต้องอยู่ในระบบเป็นเวลาขั้นต่ำก่อนที่จะสามารถยกเลิกได้ เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งแล้วยกเลิกอย่างรวดเร็ว (Spoofing)

    - มาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราวรายหลักทรัพย์ (Dynamic Price Band): หากราคาหุ้นมีความผันผวนสูงเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะมีการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาไตร่ตรองข้อมูล

    - การลดความเหลื่อมล้ำด้านความเร็ว: ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) สามารถนำเซิร์ฟเวอร์มาติดตั้งในพื้นที่เดียวกับตลาดหลักทรัพย์ฯ (Co-location) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้ทุกรายมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ทัดเทียมกัน