หุ้น SCM
ไอพีโอน้องใหม่ป้ายแดง หนึ่งในผู้นำธุรกิจขายตรงแบรนด์ไทยรายแรกที่เข้าระดมทุนใน
SET เตรียมเข้าเทรดในวันที่ 8
กันยายนนี้ นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 2.60 - 2.92 บาท/หุ้น
มีอัพไซด์เพียบเมื่อเปรียบเทียบราคาไอพีโอที่ 1.90 บาท/หุ้น
พร้อมประเมินธุรกิจมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดด คาดกำไร 3
ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 24% ต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จํากัด
เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) (SCM)
ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศผ่านธุรกิจแบบเครือข่ายแบรนด์ไทยเจ้าแรกที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปแห่งประเทศไทย
(SET) ที่เตรียมเข้าเทรดใน SET วันที่ 8 กันยายน 2563 นี้ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SCM
ไว้ที่ 2.92 บาท/หุ้น อิง PER 16 เท่า ของประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2564 เทียบค่า PER
เฉลี่ยของบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรงในภูมิภาคที่
17 เท่า และมีส่วนลดจาก PER ของกลุ่มพาณิชย์ที่
26 เท่า
ทั้งนี้ คาดว่า SCM
จะมีกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 24% ต่อปี จาก 70 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 128 ล้านบาท ในปี 2564
ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของธุรกิจเครือข่ายในเมียนมา และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรด้วยการลงทุนโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
มองว่า SCM
กำลังเข้าสู่ช่วงของการขยายฐานนักธุรกิจและผลประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเน้นขยายเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศควบคู่กับการเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำเพื่อปรับลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น
ซึ่งมีการประเมินมูลค่าหุ้น SCM โดยการเปรียบเทียบมูลค่ากับ PER
เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
ของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในต่างประเทศที่ 19.00 เท่า
โดยคิดเป็นมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 2.70 บาท/หุ้น อิงจาก PER
สำหรับปี 2564
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด
(มหาชน) ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 - 2564 ไว้ที่ระดับ 81.62
ล้านบาท และ 95.70 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่อง 38.24% และ 17.25% ตามลำดับ สำหรับการประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น
SCM ได้อิงจาก P/E ที่เหมาะสมจากค่าเฉลี่ย
PER ย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประมาณ
19.00 เท่า คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมของหุ้น SCM อยู่ที่ 2.64 บาท/หุ้น
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
ประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PER โดยประเมิน
PER ที่ระดับ 20.00 เท่า หุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ
24.00 เท่า บนคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2563 แบบ Fully diluted อยู่ที่ประมาณ 0.13 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าที่เหมาะสมออกมาได้เท่ากับ 2.60
บาท/หุ้น