เอเซีย พลัส ชี้หุ้นกลุ่มต่างชาติทยอยเก็บ คาดผันผวนน้อยกว่าตลาด แนะ KBANK-KTB นำทีม
บล.เอเซีย พลัส เผยแม้ต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย 4 วัน กว่า 4.4 พันล้านบาท แต่เริ่มเห็นสัญญาณทยอยสะสมในหุ้นรายตัว ชี้กลุ่มนี้น่าจะผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม รับอานิสงส์ดอลลาร์อ่อนค่า-บาทแข็ง หนุน Fund Flow ไหลกลับ พร้อมเปิดโผหุ้นเด่นน่าจับตา นำโดย KBANK, KTB ที่ต่างชาติซื้อสุทธิโดดเด่น
แม้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา (20-23 พ.ค.) นักลงทุนต่างชาติจะยังคงเป็นฝ่ายขายสุทธิรวมกว่า 4,411.33 ล้านบาท แต่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) มองว่า แรงขายดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ผ่อนคลายลง และเริ่มเห็นสัญญาณการเลือกซื้อ (Selective Buy) ในหุ้นบางกลุ่ม ซึ่งคาดว่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม
ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกระแสเงินทุน (Fund Flow) ที่มีโอกาสทยอยไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย โดยในช่วงเวลาเดียวกัน นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักกว่า 3,296.19 ล้านบาท ช่วยพยุงตลาด
ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติทยอยสะสม น่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าภาพรวมของตลาด และได้ให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก Momentum เชิงบวก
จากข้อมูล "Market Talk" ของ บล.เอเซีย พลัส ในช่วงวันที่ 20-23 พ.ค. 68 พบว่า หุ้นที่มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติและ NVDR โดดเด่น ได้แก่:
1.) KBANK (ธนาคารกสิกรไทย) ซื้อสุทธิ 5,748.9 ล้านบาท
2.) KTB (ธนาคารกรุงไทย) ซื้อสุทธิ 1,709.2 ล้านบาท
3.) DELTA (เดลต้า อีเลคโทรนิคส์) ซื้อสุทธิ 702.8 ล้านบาท
4.) BBL (ธนาคารกรุงเทพ) ซื้อสุทธิ 649.6 ล้านบาท
5.) TRUE (ทรู คอร์ปอเรชั่น) ซื้อสุทธิ 645.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ เอเซีย พลัส ยังคงแนะนำให้จับตากลุ่มหุ้นที่ต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาสะสม โดยเฉพาะ KBANK, KTB, OSP, BCP, BEM, CPN รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อื่นๆ เช่น BBL, TTB, TISCO และหุ้นในกลุ่มการผลิตและบริการอย่าง TRUE, KTC, CRC, WHA, COM7 ขณะที่หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติยังคงถือครองในสัดส่วนที่สูงและน่าสนใจยังคงเป็น BDMS, BH, MINT, AOT, และ CPALL
โดยสรุป แม้ภาวะตลาดโดยรวมอาจยังเผชิญความผันผวนจากปัจจัยภายนอกและการเมืองในประเทศ แต่ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้ต่างชาติเริ่มทยอยสะสมหุ้นบางกลุ่ม ซึ่งเป็นโอกาสในการเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีที่คาดว่าจะผันผวนน้อยกว่าตลาด