“นับ 1 สเต็มเซลล์เท่ากับยา” สาธารณสุข จับมือ รพ.วชิระภูเก็ตและเมดีซ กรุ๊ป เดินหน้าขับเคลื่อน ATMPs Sandbox สู่อนาคตการแพทย์ไทยขั้นสูง


กรุงเทพฯ – กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จับมือกับบริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)เปิดตัวโครงการ Advanced Therapy Medicinal Products Sandbox (ATMPs Sandbox) เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงสำหรับการรักษาเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล(Precision Preventive Medicine) โดยเริ่มต้นจาก 3 กลุ่มโรคที่พบมากในประเทศไทย “โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม - กลุ่มโรคผิวหนังและการชะลอวัย - มะเร็งลำไส้”

นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าโครงการ Advanced Therapy Medicinal Products Sandbox (ATMPs Sandbox) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบต้นแบบของการผลิตและใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products: ATMPs) ที่ได้มาตรฐานสากลและสามารถนำมาใช้จริงในระบบสาธารณสุขไทย ด้วยเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ คณะกรรมการโครงการฯ ได้คัดเลือก บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชนหรือ MEDEZE เป็นบริษัทเดียวในการนำร่อง เพราะมีคุณสมบัติพร้อมสุด ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ถือว่าเป็นที่น่ายินดีว่ามีบริษัทของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากลมาร่วมมือในครั้งนี้ด้วย

จุดเริ่มต้นของ Sandbox ทางการแพทย์ เพื่อแพทย์ไทยก้าวไกล คนไทยเข้าถึงได้” เป็นโครงการ ATMPs Sandbox ซึ่งมีแนวทางสำคัญของกระทรวงฯ ในการผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงด้วยตนเอง โดยไม่เพียงเน้นการรักษา แต่ครอบคลุมถึงการส่งเสริม ป้องกัน และควบคุมโรคอย่างแม่นยำตามแนวทาง Precision Medicine ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับมาตรฐานระบบสุขภาพไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งการเลือกบริษัท เมดีซฯ มาร่วมมือด้วยในครั้งนี้ เพราะเล็งเห็นว่า บริษัท เมดีชฯ มีมาตรฐานสูงตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ ในการกระตุ้นให้ประเทศไทยเป็น Medical wellness hub นอกจากนี้ ยังหวังว่า ATMPs Sandbox จะนำไปสู่การขึ้นทะเบียนยาได้ และจะเป็นยาของคนไทยเพื่อนำมาช่วยรักษาคนไทยได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น นายแพทย์ปิยะ กล่าว

โดย Sandbox นี้ จะใช้โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเป็น “สถานพยาบาลนำร่อง” เพื่อดำเนินการวิจัยทดลอง และให้บริการทางการแพทย์ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และบริษัทเอกชนที่มีความพร้อมสูง

ขณะที่ นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวถึงบทบาทของโรงพยาบาลในฐานะสถานพยาบาลนำร่องของโครงการ ATMPs Sandbox ว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจะเป็นศูนย์กลางในการประเมิน ประยุกต์ใช้และให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูงที่ได้รับการพัฒนาภายใต้ Sandbox นี้ เรามีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมห้องปฏิบัติการมาตรฐานสูงของบริษัท เมดี และความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแพทย์ในการศึกษาวิจัยควบคู่กันไป

อย่างไรก็ดี โครงการ ATMPs Sandbox จะเริ่มต้นการพัฒนาและทดลองใช้จริงกับ 3 กลุ่มโรคสำคัญ ซึ่งเป็นความท้าทายทางสุขภาพของคนไทยจำนวนมาก ได้แก่

1. โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม – ใช้เทคโนโลยีเซลล์บำบัดโดยการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันของตัวเองเพื่อฟื้นฟูเนื้อเยื่อและลดการเสื่อมของหมอนรองกระดูก ลดอาการปวดหลังเรื้อรังโดยไม่ต้องผ่าตัด

2. กลุ่มโรคผิวหนังและการชะลอวัย – นำเซลล์ต้นกำเนิดจากไขมันของตัวเองมาใช้ในการฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิวหนังในเชิงลึก

3. มะเร็งลำไส้ – พัฒนาเทคโนโลยีภูมิคุ้มกันบำบัดเฉพาะจุด โดยการใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันหรือ NK Cell ในการบำบัด เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

ในโครงการนี้ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด(มหาชนเป็นบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ ATMPs Sandbox โดยผ่านการประเมินจากคณะกรรมการโครงการฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ Sandbox ด้านผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง จึงมั่นใจได้ว่า โครงการฯ นี้จะเป็นอนาคตของวงการแพทย์ไทยขั้นสูงอย่างยั่งยืน นายแพทย์ปิยะ กล่าว

ด้าน นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด(มหาชนหรือ MEDEZE กล่าวถึงบทบาทของบริษัทในการขับเคลื่อนโครงการว่า MEDEZE มีความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยี วิจัย และการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง เรามีห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน พร้อมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในสายงานชีวเวชภัณฑ์ เราเชื่อว่าSandbox คือก้าวสำคัญในการนำผลิตภัณฑ์เราขึ้นทะเบียนยาในการใช้ทุกสถานพยาบาลเพื่อมารักษาคนไทยได้อย่างกว้างขวาง

บริษัทจะรับผิดชอบด้านการจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ATMPs ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับเซลล์บำบัด หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยอื่น พร้อมสนับสนุนบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 10 ปีของโครงการ”นายแพทย์วีรพล กล่าว

ทั้งนี้ โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการครอบคลุม 10 ปี รวมขั้นต่ำ 20 งานวิจัย โดยมีนวัตกรรมขั้นสูงของ MEDEZE ช่วยสนับสนุน ซึ่งมีแผนการต่อยอดจากการทดลองสู่การใช้งานในระบบสาธารณสุขจริง ทั้งในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงนวัตกรรมการแพทย์ขั้นสูงในราคาที่เหมาะสมผลิตในประเทศ ไม่ต้องรอนำเข้าจากต่างประเทศอีกต่อไป