Nvidia โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 68 แกร่งเกินคาด หุ้นพุ่งทะยาน รับอานิสงส์ AI บูม
บริษัท Nvidia ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2568 (สิ้นสุด ณ วันที่ 27 เมษายน 2568) ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น สะท้อนความต้องการชิป AI ที่ยังคงร้อนแรงทั่วโลก
อินวิเดียเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ในไตรมาสดังกล่าวสูงถึง 4.406 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และพุ่งทะยานถึง 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.331 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 96 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 93 เซนต์อย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 73% เมื่อเทียบรายปี
ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของอินวิเดียพุ่งขึ้นราว 6% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงเช้าของวันที่ 29 พฤษภาคม (ตามเวลาท้องถิ่น) สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทิศทางการเติบโตของบริษัท
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2568 (สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม) อินวิเดียคาดการณ์ว่ายอดขายจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ระดับ 4.59 หมื่นล้านดอลลาร์
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา อินวิเดียยังเผชิญกับความท้าทายจากมาตรการกีดกันทางการค้า โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แจ้งให้บริษัททราบว่า ชิปประมวลผล H20 ที่พัฒนาสำหรับตลาดจีนและเคยได้รับการอนุมัติก่อนหน้านี้ จะต้องมีใบอนุญาตสำหรับการส่งออก นอกจากนี้ บริษัทยังระบุถึงค่าใช้จ่ายจำนวน 4.5 พันล้านดอลลาร์อันเนื่องมาจากสต็อกชิปที่มีปริมาณมากเกินไป และประเมินว่าอาจสูญเสียโอกาสในการขายเพิ่มเติมอีก 2.5 พันล้านดอลลาร์ หากการส่งออกชิปไม่ถูกจำกัด
ถึงแม้จะเผชิญกับสถานการณ์ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และข้อจำกัดทางการค้า รายงานล่าสุดของอินวิเดียยังคงตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิป AI ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างและใช้งานแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ล้ำสมัย เช่น แชตจีพีที (ChatGPT) ของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) แสดงให้เห็นว่าอินวิเดียยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระแสการเติบโตของเทคโนโลยี AI ทั่วโลก
