ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังได้รับแรงหนุนจากการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวเกินคาด ดัชนี Dow Jones ปรับขึ้น 642 จุด หรือ +1.78% ขณะที่ S&P 500 บวก 2.05% และ Nasdaq พุ่งแรงถึง 2.39%

ปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนตลาด ได้แก่ การที่สหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากยุโรป 50% จากวันที่ 1 มิ.ย. ไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. ตามคำร้องขอจากประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประกอบกับข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคมที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ บ่งชี้ถึงความหวังต่อข้อตกลงการค้าในอนาคต

Kevin Hassett ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ ยังระบุว่ามีแนวโน้มจะเห็นความคืบหน้าข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาด โดย Tesla พุ่งขึ้น 5% หลัง Elon Musk ประกาศจะโฟกัสกับธุรกิจแทนการเมือง ขณะที่หุ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia, AMD, Apple และ Microsoft ต่างปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน ด้านหุ้น U.S. Steel บวกกว่า 2% รับข่าวความคืบหน้าในการควบรวมกิจการกับ Nippon Steel จากญี่ปุ่น

ด้านนักวิเคราะห์ยังเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังต่อความเสี่ยงเชิงนโยบาย โดย Adam Crisafulli จาก Vital Knowledge ชี้ว่าแม้การขู่ขึ้นภาษีอาจไม่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้เดินหน้าขึ้นภาษีจริงหลายครั้ง อีกทั้งมูลค่าหุ้นหลายตัวก็อยู่ในระดับสูง

นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทใหญ่ที่เหลือ เช่น Okta, Nvidia, Macy’s และ Costco โดยจนถึงขณะนี้ 95% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการแล้ว และ 78% ของบริษัทเหล่านั้นทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้