บล.เอเชียพลัส เงินบาทแข็งค่า กลุ่มนำเข้ารับอานิสงส์-ส่งออกสะเทือน ตลาดจับตาทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้าย
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าต่อเนื่อง โดยล่าสุด USD/THB ลงมาแตะระดับ 32.72 บาท/ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ร่วงลงแรงจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส (ASPS) วิเคราะห์ว่า “เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเร็ว” สร้างผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและหุ้นในตลาดไทยอย่างชัดเจน โดยสามารถแบ่งหุ้นออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ที่ได้ประโยชน์ และได้รับผลกระทบ ดังนี้:
กลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า
• กลุ่มที่มีหนี้หรือใช้เงินทุนจากต่างประเทศ เช่น GULF, BGRIM, EGCO, PTT, PTTEP, PTTGC, BA, AAV
• กลุ่มผู้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ เช่น TFG, TVO
• กลุ่มที่ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้า เช่น KBANK, SCB, BBL, TISCO, IVL, SCC, TOP, CPALL, CRC, ADVANC
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ
• กลุ่มส่งออก เช่น HANA, DELTA, KCE, TU, CPF, GPFT, KSL, STA, NER, STGT
• กลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT, MINT, CENTEL, ERW
• กลุ่มโรงพยาบาล เช่น BH, BDMS, PR9
ด้านเทคนิคชี้ให้เห็นว่า “เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าต่อในระยะถัดไป” หากทิศทางเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้า และดอลลาร์ยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นควรเลือกกลุ่ม “Domestic Play – ผู้นำเข้า – หุ้นได้อานิสงส์จากเงินบาทแข็ง” เป็นหลัก
ทั้งนี้ นักลงทุนยังต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก ซึ่งอาจสร้างความผันผวนต่อค่าเงินในระยะต่อไป