ธนาคารกรุงศรี สหรัฐฯ-จีน ผ่อนเกมภาษี สัญญาณซบเซาทั่วโลก ท่องเที่ยวไทยวูบ - เงินเฟ้อติดลบ
ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรี มอง เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอน แม้จะมีข่าวดีจากการบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งตกลงลดภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน โดยภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จากจีนลดลงจาก 145% เหลือ 30% และจีนลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า ผลกระทบจากนโยบายภาษีที่เข้มข้นในระดับโลกอาจยังไม่จบ และผลกระทบจริงต่อเศรษฐกิจจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในระยะถัดไป
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.50% พร้อมส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยชี้ว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แต่ยังจับตาผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งอาจดันเงินเฟ้อขึ้นในระยะต่อไป
ข้ามไปยังยุโรป เศรษฐกิจยูโรโซนยังเปราะบาง ท่ามกลางแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่อาจเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มอีก 1.7 แสนล้านยูโร คิดเป็น 97% ของการส่งออก EU ไปสหรัฐฯ ขณะที่ ECB มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องสู่ 1.50% ภายในสิ้นปี 2568 เพื่อรับมือกับการชะลอตัว
ด้านจีนตอบสนองด้วยการลดดอกเบี้ย Reverse Repo และอัตราเงินสำรองธนาคาร เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบกว่า 1 ล้านล้านหยวน หวังพยุงเศรษฐกิจจากแรงกดดันด้านการส่งออกที่ลดลงถึง 21% ในเดือนเมษายน โดยมุ่งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และขยายตลาดส่งออกสู่กลุ่มอาเซียน ซึ่งล่าสุดโตขึ้น 20.8%
ในฝั่งเศรษฐกิจไทย กลับต้องเผชิญแรงกดดันหลายด้าน โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เดือนเมษายนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลง 7.6% YoY โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงถึง 46.7% ขณะที่ประเทศคู่แข่งในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นและเวียดนาม กำลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจากไทยอย่างต่อเนื่อง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยกลับมาติดลบในเดือนเมษายนที่ -0.22% YoY จากราคาพลังงานและอาหารที่ลดลง ส่งผลให้วิจัยกรุงศรีประเมินว่าเงินเฟ้อในไตรมาส 2 อาจติดลบต่อเนื่อง และอาจเปิดทางให้มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อรองรับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป.