นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยว่า สถิติประจำเดือนเมษายน 2568 พบว่าตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมยังมีความเชื่อมั่นในตลาดการเงินไทย
SET Index ณ สิ้นเดือนเมษายน ปิดที่ 1,497.26 จุด ลดลง 1.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยระหว่างเดือนเคยปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ระดับ 1,376 จุด ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นได้จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขณะเดียวกัน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 39,410 ล้านบาท หรือหดตัวลง 11.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนรายย่อยยังคงถือครองหุ้นสูงที่สุด คิดเป็น 50.52% ของมูลค่าตลาด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 14,588 ล้านหุ้น
นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกประจำเดือนเมษายน 2025 สะท้อนผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าและการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลดภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ในเดือนมกราคมและเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาษีนำเข้าของสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 200 ปี เหลือเพียงราว 2% เท่านั้น
การลดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปี และล่าสุดในเดือนเมษายน ส่งผลให้แรงกดดันจากมาตรการภาษีลดลงในหลายภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนในเชิงนโยบายการค้า รวมถึงผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุนและการบริโภคกลับกดดันเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก นักวิเคราะห์จาก SET Research ชี้ว่า การลดภาษีอาจช่วยลดต้นทุนการนำเข้าในระยะสั้น แต่หากไม่มีมาตรการกระตุ้นด้านอื่นควบคู่ อาจไม่เพียงพอในการฟื้นเศรษฐกิจโลกในระยะยาว
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่าแม้จะมีความผันผวน แต่ยังพบสัญญาณบวกจากความสนใจของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ไทยในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง