บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการพิเศษ) 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการเดินทางที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง การขยายฝูงบิน และเพิ่มความถี่เที่ยวบิน ส่งผลให้ปริมาณที่นั่งให้บริการ (ASK) เพิ่มขึ้น 21.1% และจำนวนผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 20.8% จากจำนวนผู้โดยสารรวม 4.33 ล้านคน
แม้ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 8.8% เป็น 37,964 ล้านบาท จากการขยายบริการ แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไร โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน 13,661 ล้านบาท (EBIT Margin 26.5%)
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9,839 ล้านบาท หลังหักต้นทุนทางการเงินตาม TFRS 9 จำนวน 3,481 ล้านบาท และรายการพิเศษสุทธิ 339 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงมี EBITDA หลัก 12,728 ล้านบาท
ฝูงบิน ณ ไตรมาส 1 มีจำนวน 78 ลำ เพิ่มขึ้น 5 ลำจากปีก่อน อัตราการใช้งานเฉลี่ย 13.7 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมเตรียมรับมอบ Airbus A321 Neo เพิ่มความทันสมัย พร้อมบริการ Wi-Fi ฟรีและระบบความบันเทิงทุกที่นั่ง สำหรับสมาชิก Royal Orchid Plus
ในด้านประสบการณ์ลูกค้า การบินไทยเริ่มให้บริการ In-flight Connectivity บน Airbus A330-300 จำนวน 2 ลำ โดยให้ผู้โดยสารแชทและส่งข้อความได้ไม่จำกัด พร้อมเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีตามระดับสมาชิก ROP ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 297,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และหนี้สินรวมลดลง 1.9% เหลือ 242,314 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 21.6% เป็น 55,439 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือ 4.37 เท่า และหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 2.23 เท่า ดีขึ้นอย่างชัดเจนจากสิ้นปี 2562 ก่อนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมผู้บริหารแผนฟื้นฟูได้อนุมัติการลดมูลค่าหุ้นจาก 10 บาท เหลือ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสม ประกอบกับกำไรจากไตรมาส 1 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการ 9,555 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นฐานในการพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอนาคต
นอกจากนี้ ที่ประชุมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 อนุมัติการเลิกกิจการสายการบินไทยสมายล์ หลังโอนเครื่องบิน Airbus A320 เข้ามาอยู่ในฝูงบินหลักเรียบร้อย ส่งผลให้เส้นทางบินที่เคยขาดทุนกลับมามีกำไร ด้วยต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงและประสิทธิภาพเครือข่ายที่ดีขึ้น
ล่าสุด บริษัทฯ ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว และได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกแผนฟื้นฟูเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 โดยศาลนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นี้ เวลา 9.00 น.
